MTS Help Center

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอีกฝ่ายตอบโต้กันไปมา Goldman Sachs ได้ประเมินว่า โอกาสที่สหรัฐฯจะทำการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการมีสูงยิ่งขึ้น

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ ขณะที่ทางจีนก็ได้ตอบโต้กลับด้วยภาษีมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ  

ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา สหรัฐฯมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 5 แสนล้านเหรียญ ขณะที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯเพียง 1.3 แสนล้านเหรียญ จึงเป็นการขาดดุลทางการค้าที่นายทรัมป์ให้สัญญาว่าจะแก้ไขให้จงได้

Goldman Sachs จึงประเมินโอกาส 60% ที่นายทรัมป์จะตัดสินใจประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการ โดยพิจารณาจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงยอดขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ดูเหมือนจะพยายามหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกับประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เม็กซิโก แคนาดา หรือ สหภาพยุโรป ถึงแม้ว่าสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าลงนามสนธิสัญญา NAFTA ร่วมกับเม็กซิโก เพียงแค่ 2 ประเทศ หากการเจรจากับแคนาดาไม่สำเร็จก็ตาม  

นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังได้กล่าวว่า “ตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้ว กำแพงทางการค้าจะเป็นปัจจัยกดดันการผลิตในระยะยาว เนื่องจากแต่ประเทศจะถูกบังคับให้ทำการผลิคในกลุ่มสินค้าที่ไม่มีคู่แข่งทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางราคาของสินค้าหลายๆรายการที่จะปรับสูงขึ้นจากนโยบายภาษี”

“ขณะที่ผลกระทบที่จะเกิดกับอัตราเงินเฟ้อจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น” โดย Goldman Sachs ประเมินว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของสหรัฐฯจะปรับสูงขึ้น 0.1% และอาจเพิ่มเป็นเท่าตัวหากนโยบายตอบโต้จากจีนเริ่มส่งผลกระทบ

ขณะที่รายงานจากองค์การการค้าโลก (WTO) ระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง หลังขยายตัวได้ต่อเนื่องถึง 6 ปี ท่ามกลางมูลค่าการส่งออกทั่วโลกในปี 2017 ที่สูงถึง 1.8 ล้านล้านเหรียญทั้งสินค้าและบริการ

ซึ่ง Goldman Sachs มองว่าในปีนี้เศรษฐกิจยังจะสามารถคงการเติบโตได้อยู่ แม้จะเผชิญกับความขัดแย้งทางการค้าก็ตาม แต่การเติบโตนี้จะอยู่ได้ไม่นานนัก เนื่องจากบรรดาผู้บริโภคตลอดจนผู้ประกอบการ ต่างมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีทั้งสิ้น