• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 24 กันยายน 2561

    24 กันยายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นในฐานะ Safe-Haven จากกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับข่าวที่ว่าจีนยกเลิกการเจรจากับทางสหรัฐฯในการประชุมนัดล่าสุด ขณะทีผู้นำสหรัฐฯประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 10% สู่ระดับ 200,000 ล้านเหรียญ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ขณะที่วันนี้ตลาดการเงินของญี่ปุ่นน่าจะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากเป็นวันหยุดวสันตวิษณุของญี่ปุ่น โดยค่าเงินเยนวันศุกร์ทรงตัวที่ 112.54 เยน/ดอลลาร์ หลังลงไปทำระดับแข็งค่าบริเวณ 112.28 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1745 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงมาที่ 1.3077 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยหลุดต่ำกว่าระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ 1.3297 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ผู้นำอังกฤษเผยว่าทางอียูยังคงปฏิเสธแผนของเธอ ขณะที่นายเจเรมี คอร์บลิน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษกล่าวว่าอาจสนับสนุนให้มีการลงประชามติ Brexit รอบ 2 หากพรรคแรงงานยังคงโหวตสนับสนุนให้ Brexit ฉบับปัจจุบันเดินหน้า จึงยิ่งตอกย้ำถึงแรงกดดันที่มีของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

ทางด้านดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 94.214 จุด ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่หันมาสนใจต่อนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งที่ทำให้ตลาดมองว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้และเดือนธ.ค.ได้ และนั่นทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอยู่ในทิศทางแข็งค่าอีกครั้ง

• สมาชิกอาวุโสประจำพรรคการเมืองของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่าข้อเสนอในการเจรจา Brexit ของนางเมย์ ประสบความล้มเหลวในการเจรจากับบรรดาผู้นำสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะไม่มีหนทางจะสามารถไปต่อได้ ดังนั้นบรรดาผู้นำในสหภาพควรเร่งหาข้อเสนอใหม่ๆสำหรับการเจรจา Brexit

ขณะที่ทางด้านนายเจเรมี่ โคบลิน ผู้นำพรรคฝ่ายค้านประจำรัฐสภาอังกฤษ ระบุว่า พรรคฝ่ายค้านสนับสนุนให้มีการลงประชามติ Brexit เป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นการสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับนางเมย์ หลังการเจรจา Brexit ของเธอกับสหภาพยุโรปประสบความล้มเหลว

• นางอังเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคาดหวังว่า ผลกระทบจากการไม่มีข้อตกลง Brexit อาจมีเพียงเล็กน้อยที่จะกระทบต่อตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจยุโรป

• นายเอ็ดเวิร์ด โนโวทนีย์ สมาชิกอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีควรเร่งถอนตัวออกจากนโยบายที่ใช้ในช่วงวิกฤตและปรับนโยบายการเงินสู่สภาวะปกติ หรือกำหนดกรอบความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

• เจ้าหน้าที่อาวุโสจากทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สหรัฐฯยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการหาทางเจรจาแก้ปัญหาทางการค้าร่วมกับจีนอยู่ แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่จะหารือต่อ ขณะที่จีนทำการตอบโต้การขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯล่าสุดที่ผ่านมา

• ทางการจีนประกาศยกเลิกการเจรจาทางทหารกับสหรัฐฯ เพื่อเป็นการประท้วงหลังจากที่สหรัฐฯทำการคว่ำบาตรบริษัทสัญชาติจีนที่เข้าซื้อเครื่องบินรบและระบบขีปนาวุธจากรัสเซีย พร้อมระบุอีกว่า จีนยังมีสิทธิที่จะใช้มาตรการตอบโต้ที่นอกเหนือจากนี้ได้อีก

ทั้งนี้ โฆษกประจำรัฐบาลจีนได้ระบุว่า การเข้าซื้อเครื่องบินรบและระบบขีปนาวุธจากรัสเซีย ถือเป็นความร่วมมือทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจตามปกติ และสหรัฐฯ “ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาแทรกแซง”

• ยอดดุลบัญชีการค้าระหว่างจีนและเกาหลีเหนือตั้งแต่เดือนม.ค. – ส.ค. ปรับตัวลง 57.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนสู่ระดับ 1.51 พันล้านเหรียญ

• หนังสือพิมพ์ Nikkei ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการกลับไปหารือข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯที่อาจให้มีการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเกษตรกรรมของสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขึ้นภาษีสินค้ารถยนต์ของญี่ปุ่น

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดจะขึ้นกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับการดำเนินการทางการทูตกับเกาหลีเหนือ ภายในสัปดาห์นี้

โดยการกล่าวปราศรัยครั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่นายทรัมป์จะมีท่าทีแตกต่างออกไปจากครั้งที่ผ่านๆมาโดยสิ้นเชิง เนื่องจากครั้งก่อนนายทรัมป์ได้กล่าวข่มขู่และล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือเอาไว้

อย่างไรก็ตาม สมาชิกประจำรัฐสภาสหรัฐฯบางส่วนยังคงมองว่า เกาหลีเหนือยังไม่มีการดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์ตามที่ตกลงกับสหรัฐฯอย่างชัดเจนเท่าไหร่นัก แม้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่งา 2 ประเทศจะพัฒนาขึ้นอย่างมากก็ตาม

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นหลังจากมีข่าวว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อาจตัดสินใจเพิ่มอุปทานน้ำมันเพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันดิบของอิหร่านที่ได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯใช้มาตรการคว่ำบาตรที่จะมีผลอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 4 พ.ย. ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวไม่พอใจต่อกลุ่มโอเปกและมีการทวิตเตอร์เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกมีการปรับลดราคาน้ำมันดิบลงมา

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 10 เซนต์ ที่ระดับ 78.8 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 46 เซนต์ ที่ระดับ 70.78 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 71.80 เหรียญ/บาร์เรล

ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้นได้ 2.5% และ Brent ปิด +0.7%

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com