• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 กันยายน 2561

    21 กันยายน 2561 | Economic News
• ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ขณะที่ค่าเงินอ่อนค่าจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง ท่ามกลางมุมมองของเหล่านักลงทุนที่ว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่งาสหรัฐฯ-จีน จะไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่บริเวณ 93.908 จุด หลังทำระดับต่ำสุดที่ 93.829 เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 9 ก.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ได้อ่อนค่าลงมามากกว่า 1% ท่ามกลางกระแสของตลาดที่เริ่มออกจากค่าเงินดอลลาร์กลับเข้าสู่ค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ หลังความกังวลเกี่ยวกับ Trade war ผ่อนคลายลงไป

ค่าเงินยูโรได้รับอาณิสงค์จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ส่งผลให้สามารถปรับแข็งค่าในวันนี้ขึ้นได้อีก 0.05% ที่บริเวณ 1.1783 ดอลลาร์/ยูโร หลังปรับแข็งค่าขึ้น 0.9% เมื่อวานนี้ ที่สามารถทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนได้ที่ 1.1785 ดอลลาร์/ยูโร

ด้านค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับสูงขึ้น 0.25% ที่บริเวณ 112.745 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 เดือน

ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่บริเวณ 6.8420 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากแข็งค่าขึ้นมาได้ 0.35% ในภาพรวมสัปดาห์นี้

• เลขาธิการกระทรวงการขนส่งอังกฤษ กล่าวกับสำนักข่าว BBC อังกฤษจะออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง เว้นแต่กลุ่มผู้นำอียูจะหยวนมีท่าทีที่อ่อนลงต่อกรณีพรมแดนไอร์แลนด์

• ผลสำรวจความเชื่อมั่นจากรอยเตอร์ส แสดงให้เห้ฯว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นถูกคาดว่าจะปรับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Sumitomo Mitsui Asset Management กล่าวว่า ภาพทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังแข็งแกร่ง แต่ข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีสิทธิจะส่งผลกระทบเชิงลบได้

• นาย ซินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและนายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาติ (UN) ในวันที่ 26 ก.ย. นี้

• Walmart Inc. ซึ่งเป็นเครือข่ายค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลก และมีต้นสังกัดอยู่ในสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายถึงนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าพวกเขาอาจจำเป็นต้องทำการขึ้นราคาสินค้า หากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมีผลบังคับใช้

• ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายของบีโอเจที่ระดับ 2% ซึ่งชี้ให้เห็นว่านโยบายการเงินจะยังคงเป็นแบบผ่อนคลาย ๆ อยู่ในขณะนี้

ขณะที่ ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารเนื่องจากมีความผันผวนนั้น ขยายตัวขึ้น 0.9% เทียบรายปี หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค.

• องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เผยว่า เศรษฐกิจโลกอาจขยายตัวได้มากที่สุดในปีนี้และปีหน้าที่ระดับ 3.7% แต่ก็ยังคงอยุ่ระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับขึ้นและหลักฐานประกอบที่บ่งชี้ถึงความแตกต่างของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

• ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การประชุมร่วมกันระหว่าง 2 ชาติเกาหลีครั้งล่าสุดที่ผ่านมา อาจเป็นการเปิดทางให้การประชุมร่วมกันระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถเกิดขึ้นได้อีกครั้ง

แต่การประชุมดังกล่าวไม่ได้นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการถือครองแร่ยูเรเนียม หรือช่วงเวลาที่ชัดเจนของการปลดอาวุธแต่อย่างใด

• รายงานข่าวในอังกฤษระบุว่า นโยบาย Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความล้มเหลว หลังการประชุมร่วมกันระหว่างตัวแทนจากสหภาพยุโรปและนางเมย์ในเมืองซาลซ์บูร์ก ประเทศเยอรมนี

โดยตัวแทนจากสหภาพระบุว่า จะดำเนินเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ใหม่อีกครั้งในเดือนหน้า แต่ถ้าหากนางเมย์ไม่สามารถหาข้อตกลงภายในรัฐสภาเกี่ยวกับหัวข้อการค้าและชายแดนของไอร์แลนด์ได้ภายในเดือน พ.ย. ทางสหภาพยุโรปก็จะถือว่าอังกฤษได้ถอนตัวอกไปแบบ No deal
• นักวิเคราะห์จาก DailyFX มองว่า ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงจากระดับแนวต้านบริเวณ 70.15 - 70.41 เหรียญ/บาร์เรล โดยหากราคาปิดต่ำกว่าระดับเป้าหมายก็มีโอกาสกลับลงมาระดับแนวรับ 67.50 - 65.69 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกันหากราคายังยืนได้สูงกว่าระดับเส้นในชาร์ท ก็มีโอกาสเห็นราคาน้ำมันดิบกลับไปแถว 72.88 เหรียญ/บาร์เรล และจะมีแนวต้านถัดไปที่ 75.00 - 77.31 เหรียญ/บาร์เรล

• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ขณะที่ข้อเรียกร้องให้ลดราคาน้ำมันลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูจะเป็นปัจจัยกดดันไม่ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปมากกว่านี้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน Brent ปรับสูงขึ้น 26 เซ็นต์ หรือ 0.33% ที่บริเวณ 78.96 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ปรับสูงขึ้น 7 เซ็นต์ หรือ 0.10% ที่บริเวณ 70.39 เหรียญ/บาร์เรล
Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com