MTS Help Center

Ethan Harris หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ประจำ Bank of America Merrill Lynch ประเมินว่า ผลกระทบของ Trade war ที่จะเกิดกับเศรษฐกิจจีน จะมีความรุนแรงมากกว่าผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากจีนมีการส่งออกที่มากกว่าสหรัฐฯ

เมื่อไม่กี่วันมานี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนอีก 10% เป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ และระดับภาษีจะขยายตัวสู่ระดับ 25% ในช่วงสิ้นปี 2018 ซึ่งทางจีนก็ได้ประกาศตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง 0.5 – 0.6% จากผลกระทบของนโยบายภาษี

โดย Ethan ได้ระบุว่า “ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจจีนจะรุนแรงกว่าผลกระทบในสหรัฐฯมากถึง 4 เท่าตัว เพราะว่าจีนมีการส่งออกมากกว่าสหรัฐฯ ขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงถึง 0.5%แต่สหรัฐฯอาจแทบไม่ได้รู้สึกถึงผลกระทบดังกล่าว เพราะว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง”

ทั้งนี้ BofA คาดเศรษฐกิจจีนปี 2019 จะเติบโตได้ 6.1% แม้จะมีแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเข้ามาก็ตาม ขณะที่ JP Morgan คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชอตัวลง 0.6% เนื่องจากการส่งออกที่จะอ่อนแอลง

ในขณะเดียวกัน BofA ได้ประเมินว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจชะลอตัวลง 0.1 – 0.2% แต่หากอัตราภาษีครั้งล่าสุดขยายตัวจาก 10% สู่ 25% และจีนโต้กลับ เศรษฐกิจสหรัฐฯก็อาจชะลอตัวลง 0.2 – 0.3% ในปี 2019 ขณะที่คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.7% ในปี 2019

นอกจากนี้ Ethan ยังได้ระบุอีกว่า Trade war จะไม่จบสิ้นลง จนกว่าบรรดาผู้บริโภคในสหรัฐฯจะเริ่มรู้สึกได้ถึงผลกระทบจากการขึ้นภาษีตอบโต้ของจีน หรือประชาชมเริ่มกังวลว่า Trade war จะยืดเยื้อและขยายตัวไปมากกว่านี้