- จีนอาจกำลังจับตาใกล้ชิดต่อข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้น หรืออาจประสบกับความล้มเหลวสำหรับการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ในวันที่ 12 มิ.ย. ระหว่างผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ
- The Atlantic Council เผยว่า จีนจะได้รับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงหากข้อตกลงความเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯและเกาหลีใต้ดูอ่อนกำลังลง ซึ่งจะส่งผลให้มีการปรับลดกำลังทางทหารของสหรัฐฯที่เอเชีย และจำกัดท่าทีคุกคามต่อกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวจีนบริเวณพรมแดน
ในเดือนหน้าจะมีการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง “นายคิม จอง อึน” ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ และ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการประชุมที่ส่งผลโดยนัยกับจีนทางด้านการเมืองและความมั่นคงบริเวณคาบสมุทรเกาหลี
ประธาน CEO จาก Atlantic Council กล่าวว่า ผู้ที่จะอยู่เบื้องหลังความเป็นไปได้หรือเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการประชุมครั้งนี้คือ “นายสี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน ซึ่งจะเป็นผู้ที่เห็นทั้งโอกาสและภัยต่อจีน
ทั้งนี้ จีนเป็นผู้สนับสนุนเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เป็นระยะเวลานาน แต่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากที่สุด คือการป้องกันไม่ให้ระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือนั้นต้องล่มสลายไป
และดูเหมือนว่า จีนจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงสันติภาพหากว่าอำนาจของคู่พันธมิตรระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นอ่อนกำลังลง ก็จะส่งผลให้เกิดการลดท่าทีคุกคามที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน รวมถึงกลุ่มผู้ลี้ภัยบริเวณพรมแดนจีน และจะหมายรวมไปถึงการถอนกำลังทหารสหรัฐฯออกจากเกาหลีใต้
การสิ้นสุดกองกำลังทหารในเกาหลีใต้ ถือเป็นความสำคัญเป็นลำดับต้นๆที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่ทีมบริหารของนายคิม จะยอมยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น จึงคาดหวังว่าการกระทำดังกล่าจะช่วยหนุนให้จีนบรรลุเป้าหมายการลดอิทธิพลของสหรัฐฯในเอเชีย
สิ่งที่จีนต้องการ
ผู้เชี่ยวชาญจากจีนประจำ Union of Concerned Scientists (UCS) ระบุว่า จีนและเกาหลีเหนือจะมีเป้าหมายเดียวกันสำหรับการประชุมในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ โดยต้องการให้ทางสหรัฐฯทำการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรสำหรับประเทศชาตินิยม โดยจีนและเกาหลีเหนือต่างพร้อมที่จะปรับลดข้อตกลงของตนเองเช่นกัน ขณะที่ข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจบางส่วนของจีน ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ หากว่ามีการยุติการทดลองและพัฒนาขีปนาวุธ
แต่กรณีที่จีนเปิดกว้างทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย ก็ดูเหมือนจะต้องมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนเช่นกัน ซึ่งอาจหมายถึงการยอมรับสัมปทานบางส่วนจากสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ผู้นำจีนยังคงกล่าวย้ำในการกล่าวสนับสนุนเกาหลีเหนือในการยุติอาวุธนิวเคลียร์ โดยผู้นำเกาหลีเหนือเคยกล่าวกับประธานาธิบดีจีน ว่า เกาหลีเหนือจะไม่พัฒนาอาวุธนิวเคลียหากมีการลดท่าทีคุกคามด้านการเมืองและความปลอดภัยในการดำเนินนโยบาย ซึ่งการกล่าวถึงประเด็นนี้น่าจะหมายถึง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯนั่นเอง
และไม่นานจากนั้น นายทรัมป์ ก็ได้กล่าวว่า นายคิม อาจได้รับอิทธิพลจากนายสี ก็เป็นได้ ซึ่งในสัปดาห์นี้จะเห็นได้ว่า ผู้นำสหรัฐฯได้เรียกร้องให้จีนรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนกับกลุ่มคนนอก
ผู้เชี่ยวชาญจาก Shanghai’s Fudan University กล่าวว่า ผลลัพธ์จากการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.นี้ อาจจนำมาซึ่งการยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างค่อยเป็นไปค่อยไป ตามมาด้วยการปฏิรูป และการเปิดกว้างทางสังคม อันจะส่งผลต่อระบบการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
สิ่งที่จีนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
จีนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กลับมารวมตัวกัน ซึ่งหากทั้งสองกลับมาเป็นหนึ่งก็อาจเกิดประเทศใหม่และอาจเป็นการสิ้นสุดความขัดแย้งภายใต้อิทธิพลจากสหรัฐฯ
ซึ่งหากการนำของนายทรัมป์เป็นไปค่อนข้างดี จีนอาจเผชิญกับความแข็งกร้าวและการรวมตัวของเกาหลีที่จะถือเป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐฯนั่นเอง
ที่มา: CNBC