MTS Help Center

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน โดยฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นทางความเสี่ยงที่ฟื้นตัว แต่ตลาดก็ยังคงผันผวนจากนักลงทุนที่รอคอยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนนี้ โดยค่าเงินเยนเช้านี้ทรงตัว 107.82 จุด หลังจากร่วงลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 5 เดือนบริเวณ 107.40 เยน/ดอลลาร์

เช้านี้ดัชนีดอลลาร์ทรงตัว 89.728 จุด หลังจากร่วงลงไป 0.6% เมื่อคืนนี้ ทางด้านค่าเงินยูโรทรงตัว 1.2352 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นได้ 0.4% เมื่อคืนนี้

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตยอมรับแผนปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า อาจได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐไม่เพียงพอ นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังแสดงความยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในร่างนโยบายดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกัน นายทรัมป์ เผยว่า กำลังพิจารณาตัวเลือกในการจำกัดการนำเข้าโลหะอุตสาหกรรมและอลูมิเนียมผ่านทางการเรียกภาษีเพิ่ม หรือการจำกัดจำนวนการนำเข้า โดยเมื่อวานนี้ นายทรัมป์ได้ระบุไว้ว่า การค้าขายดังกล่าวสร้างความไม่ยุติธรรมให้กับบรรดาผู้ผลิตโลหะในสหรัฐฯ

• นายเจอโรม โพเวล ประธานเฟด กล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เฟดจะจับตาดูปัจจัยความเสี่ยงต่อตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด พร้อมมุ่งพัฒนามาตรการหรือนโยบายการเงินที่ ”จำเป็น”ต่อเศรษฐกิจภายในประเทศที่ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยวิกฤติทางเศรษฐกิจเมื่อปี 2007-2009

ทั้งนี้ เขาไม่ได้ให้รายละเอียดหรือกล่าวถึงการเตรียมตัวของเขาเพื่อย้ำหรือระบุเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในมุมมองของเขาแต่อย่างใด

• เมื่อคืนนี้ นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ กล่าวว่า แรงขายในตลาดหุ้นและการดีดกลับที่ผันผวนในตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้จะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯในขณะนี้ แต่ก็กล่าวเตือนว่า ภาวะOverreaction ได้สร้างความวุ่นวายต่อตลาดการเงินไม่น้อย

• ทำเนียบขาว เผยว่า กำลังมีการพิจารณาและทาบทามให้ นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ มาดำรงตำแหน่งรองประธานเฟดคนใหม่ แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งแต่ตั้งใดๆในขณะนี้ พร้อมทั้งยังปฏิเสธที่จะยืนยันถึงรายชื่อผู้ถูกเลือกคนอื่นๆภายใต้การพิจารณา

รายงานจาก WSJ ระบุว่า โฆษกของเฟดสาขาเคฟแลนด์ก็ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการพิจารณานางเมสเตอร์ดังกล่าว

• ข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษขยายตัวขึ้นเกินคาดใกลล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาที่ระดับ 0.3% จึงยิ่งตอกย้ำว่า ธนาคารอังกฤษอาจเผชิญกับความท้าทาย รวมทั้งยิ่งหนุนกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษในเดือนพ.ค.นี้

อย่างไรก็ดี ตลาดประเมินโอกาส 70% ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.นี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 50%

• การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของผู้บริโภคผลักดันให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวต่อเนื่อง 0.5% ในช่วงเดือนต.ค-ธ.ค. ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1980 ช่วงภาวะฟองสบู่ และแสดงให้เห็นว่าโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของนายซินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเริ่มที่จะเห็นผล

• ราคาน้ำมันดิบปิดทรงตัว ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังจากที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ในปีนี้ พร้อมระบุว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ จะทำให้กลุ่มโอเปกเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในไม่ช้า

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 0.2% ที่ระดับ 62.72 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.2% ที่ระดับ 59.19 เหรียญ/บาร์เรล