• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561

    5 กุมภาพันธ์ 2561 | Economic News


• ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักที่บริเวณ 88.701 จุด เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ 88.429 จุด สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ปรับอ่อนค่าลงไป 0.4% ท่ามกลางแรงกดดันจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยุโรป ขณะที่เหล่านักลงทุนที่กำลังเฝ้ารอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10% ปรับสูงขึ้นแตะระดับ 1.2499% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2014

ด้านค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 1.2499 ดอลลาร์/ยูโร แต่ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 1.2538 ดอลลาร์/ยูโร สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ค่าเงินปรับแข็งค่าขึ้น 0.6%

สำหรับค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับอ่อนค่าขึ้นมา 109.50 เยน/ดอลลาร์ จากระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 เดือนที่ 108.28 เยน/ดอลลาร์

• นักวิเคราะห์จาก DailyFX คาด ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงอีก แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้ จะประกาศออกมาแข็งแกร่งก็ตาม ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถูกคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. มากกว่าตัวเลขของเดือนธ.ค. ที่เพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานสหรัฐนถูกคาดว่าจะออกมาทรงตัวที่ 4.1% ซึ่งเป็นอัตราว่างงานที่ต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี

นอกจากนี้ การขยายตัวของอัตราค่าจ้างในสหรัฐฯ ถูกคาดการณ์ว่าจะประกาศออกมาที่ 2.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งน่าจะช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ตามที่เฟดได้ส่งสัญญาณไว้ในการประชุมครั้งล่าสุด

อย่างไรก็ดี แม้ปัจจัยที่ยกมาข้างต้นดูจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างมาก แต่นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอีกในคืนนี้ เนื่องจาก หากเฟดมีท่าทีจะคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น จะถือเป็นแบบอย่างสำหรับธนาคารกลางประเทศอื่นๆให้หันมาให้นโยบายคุมเข้มการเงินเช่นเดียวกัน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จึงเป็นการลดความต้องการในค่าเงินดอลลาร์ลงและทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงในที่สุด

• การขยายตัวของภาคแรงงานสหรัฐฯมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าแรงด้วย อันจะเป็นสัญญาณย้ำถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นปีนี้

ทั้งนี้ ผลสำรวจของ Reuters ชี้ว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) จะเพิ่มขึ้นประมาณ 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานคาดจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี โดยที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯจะเปิดเผยข้อมูลทั้งสองในช่วงเวลา 20.30น.

• ค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงถูกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 0.3% ในเดือน ม.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค. ซึ่งจะช่วยทำให้ภาพรวมรายปีของอัตราค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.5% ในเดือนธ.ค.

รายงานจาก Reuters ระบุว่า มีการคาดการณ์ว่าค่าแรงจะได้รับอานิสงส์จากค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นจาก 18 รัฐในเดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการปฏิรูปภาษี โดยภาคบริษัทต่างๆ อาทิ Starbucks Corp และ FedEx Corp เผยถึงการจะออมเงินบางส่วนจากการปรับลดภาษีเพื่อหนุนให้ค่าแรงของคนงานเพิ่มขึ้น

และดูเหมือนค่าแรงน่าจะขยายตัวต่อเนื่องในเดือนก.พ. เมื่อบริษัท Walmart ก็จะทำการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงให้กับพนักงานกลุ่มร้านค้าปลีก

• เกิดเหตุประท้วงขึ้นในเยอรมนีติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยกลุ่มลูกจ้างที่ไม่พึงพอใจในอัตราค่าจ้างและชั่วโมงการทำงานได้รวมกลุ่มกันเพื่อประท้วงให้รัฐบาลเร่งหาทางเจรจาแก้ไขปัญหากับบรรดาตัวแทนของผู้ประกอบการ ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบรรดาบริษัทรายใหญ่เช่น Mercedes-Benz, Porsche, และ Airbus

ทั้งนี้ การเจรจาระหว่างผู้ประกอบการและรัฐบาล เดิมทีมีกำหนดการจะจบสิ้นลงในวันนี้ แต่มีท่าทีว่าอาจต้องขยายการเจรจาออกไปต่อในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ก่อนที่จะทำการลงมติมาตรการที่จะใช้แก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้บรรดาผู้ประกอบการในเยอรมนีสูญเสียงบประมาณไปมากกว่าร้อยล้านยูโร

ธนาคารเยอรมนี (ดอยซ์แบงก์) เผยยอดขาดดุลติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ในปี 2017 ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอลงของบรรดาธนาคารเพื่อการลงทุนและนโยบายปฏิรูปภาษีจากสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ทางธนาคารกลางสูญเสียรายได้ไป 4.97 ร้อยล้านยูโร (6.21 ร้อยล้านเหรียญ) มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.90 ร้อยล้านยูโร

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังผลสำรวจชี้ว่าปริมาณการปรับลดน้ำมันดิบของสมาชิกกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกอย่างรัสเซีย ได้ช่วยชดเชยความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของผลผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 24 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.3% แถวระดับ 69.89 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 33 เซนต์ คิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 66.13 เหรียญ/บาร์เรล
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com