• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 31 มกราคม 2561

    31 มกราคม 2561 | Economic News


• ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.14% บริเวณ 89.183 จุด จากระดับต่ำสุดบริเวณ 88.91 จุดในช่วงต้นตลาด และปิดตลาดแถวระดับ 89.219 จุด หลังนายสตีเว่น มนูชิน เลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่า เขามองว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะยาวมากกว่า ซึ่งขัดแย้งกับถ้อยแถลงของเขาเอง ที่กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเป็นผลดีกับสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของนายมนูชิน ยังมีความสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวในเชิงสนับสนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในที่ประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์เมื่อคืนนี้ก็กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยถ้อยแถลงผลประชุมเฟดและเฝ้าระวังต่อข้อมูลการจ้างงานคืนวันศุกร์ที่จะมาถึงนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรและค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้น โดยค่าเงินยูโรปิด +0.11% ที่ระดับ 1.2395 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนปรับแข็งค่า 0.11% ที่ระดับ 108.86 เยน/ดอลลาร์

• นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้ แต่อาจให้สัญญาณคุมเข้มทางการเงินเพิ่มมากขึ้น และนั่นอาจเป็นผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์ได้

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับขึ้นเหนือ 2.70% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เม.ย. 2014 โดยได้รับอานิสงส์จากกลุ่มนักลงทุนที่ทำการปรับลดสถานะ Short จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์มาตั้งแต่วันจันทร์

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีก็ทำ High นับตั้งแต่ พ.ค. ปี 2017 เช่นกัน

• Conference Board เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯที่รีบาวน์ขึ้นในเดือนม.ค. ที่ระดับ 125.4 จุด ท่ามกลางราคาที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวได้ตั้งแต่เดือนพ.ย. จึงยังบ่งชี้ถึงอัตราเร่งในค่าใช้จ่ายผู้บริโภคที่มีแนวโน้มขยายตัวอยางมีเสถียรภาพ ขณะที่อัตราค่าแรงชะลอตัว

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าของวันนี้เวลา 09.00 น.ตามเวลาประเทศไทย โดยหัวข้อที่นายทรัมป์น่าจะพูดถึง ได้แก่ การรายงานสภาวะเศรษฐกิจภายใต้การปกครองของเขา ความสำเร็จในการผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษี รวมถึงนโยบายอื่นๆที่กำลังดำเนินการ เช่น ปรับปรุงระบบการอพยพเข้าประเทศ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มงบประมาณให้กับกองทัพ และการยกเลิกนโยบายโอบามาแคร์

• คณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาของสหรัฐฯ มีมติตัดสินจะเปิดเผยบันทึกของพรรครีพับลิกันจากกระทรวงยุติธรรมที่กล่าวถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯในเชิงลบ

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวของคณะกรรมการ อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการดำเนินงานของคณะกรรมการสืบสวนพิเศษนำโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ที่กำลังสืบสวนในข้อสงสัยว่ารัสเซียได้เข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016

• รองเสนาธิการแห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า ถึงแม้ทางเกาหลีเหนือจะมีการแสดงศักยภาพของขีปนาวุธในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เขาเชื่อว่าทางเกาหลีเหนือยังไม่แสดงความสามารถทั้งหมดที่ขีปนาวุธของพวกเขาสามารถทำได้

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลผลผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ยังกังวลต่อเทขายในตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรและสินค้าโภคภัณฑ์

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 44 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.6% ที่ระดับ 69.02 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดวานนี้บริเวณ 68.4 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.06 เหรียญ หรือคิดเป็น -1.6% ที่ระดับ 64.50 เหรียญ/บาร์เรล

• รายงานจาก API ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นที่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากข้อมูลจากรัฐบาล หรือ EIA แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวขึ้นตามก็จะเป็นสัปดาห์แรกที่ผลผลิตน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 11 สัปดาห์

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com