• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 มกราคม 2561

    18 มกราคม 2561 | Economic News



· ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี แถวระดับ 1.23 ดอลลาร์/ยูโร หลังสมาชิกอีซีบีบางส่วนแสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของค่าเงิน และการอ่อนค่าของค่าเงินยูโรเป็นส่วนหนึ่งที่หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมา 0.26% ที่ระดับ 90.629 จุด หลังร่วลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 90.113 จุด และเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นต่อมาบริเวณ 90.884 จุด

ทางด้านค่าเงินยูโรเมื่อคืนนี้อ่อนค่าลงมา 0.29% ที่ระดับ 1.2223 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีบริเวณ 1.2322 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เช้านี้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่อมาบริเวณ 1.2196 ดอลลาร์/ยูโร

· บรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯ เริ่มกลับมาให้การสนับสนุนร่างขอเบิกงบประมาณกันมากขึ้น แต่ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าเสียงสนับสนุนจะเพียงพอให้ร่างงบประมาณสามารถผ่านการลงมติในสภาคองเกรสไปได้หรือไม่


· นายจอห์น เคลลี่ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวแห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox News โดยเขาเชื่อมั่นว่า พรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสจะสามารถขออนุมัติร่างงบประมาณได้ทัน ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในคืนวันศุกร์นี้ แม้จะประสบเสียงต่อต้านจากภาคเดโมแครตก็ตาม ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ไปได้

ทั้งนี้ ร่างของบประมาณฉบับล่าสุด จะยื่นของบประมาณเพื่อสนับสนุนกิจการของภาครัฐในส่วนต่างๆไปจนถึงวันที่ 16 ก.พ. นี้ ก่อนที่จะมีการยื่นร่างใหม่อีกครั้ง

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า รัฐบาลจะทำการโยกย้ายสถานฑูตสหรัฐฯในอิสราเอล ไปสู่นครเยรูซาเลมภายในปีนี้ ถึงแม้นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล คาดว่าการโยกย้ายสถานฑูตจะเกิดขึ้นในปีนี้ก็ตาม

ขณะที่นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า การโยกย้ายสถานฑูตไปสู่นครเยรูซาเลม จะเกิดขึ้นภายระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เนื่องจากจำเป็นต้องจัดการปัญหาด้านการเตรียมพื้นที่ การโยกย้ายอุปกรณ์ของสถานฑูต รวมถึงการจัดหาที่พักให้กับเจ้าหน้าที่ของสถานฑูต

· รายงานมุมมองเศรษฐกิจของเฟด (Beige Book) ที่ประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมา พบว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงเดือน พ.ย. – ธ.ค. ปี 2017 สามารถเติบโตได้ด้วยอัตราปานกลาง ท่ามกลางการขยายตัวในภาคการผลิต ภาคการก่อสร้าง และภาคคมนาคม

ขณะที่คาดการณ์ว่า อัตราค่าจ้างซึ่งสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสที่ 4/2017 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อได้ในช่วงเดือนต่อๆไป สำหรับภาพรวมปัจจัยความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะผสมผสาน

นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ คาดการณ์ว่า นโยบายปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.25 – 0.5% ในช่วงระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ

· รัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสจะให้ความร่วมมือกันด้านการรักษาความปลอดภัยระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เพื่อหวังเสียงสนับสนุนในการเจรจากับสหภาพยุโรปในกรณี Brexit

อย่างไรก็ดี นางเมย์มีแนวโน้มจะถูกกดดันโดยนายเอ็มมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ให้อังกฤษเปิดรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากขึ้น รวมถึงเพิ่มเงินสนับสนุนความปลอดภัยระหว่างชายแดนของฝรั่งเศส

· หัวหน้าพรรค SPD ของเยอรมนี ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อก่อตั้งรับบาลร่วมกับพรรคของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยระบุว่าการเจรจาสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี พร้อมเปิดเผยสมาชิกพรรคบางส่วนมองว่า หาก SPDปฏิเสธข้อเสนอจากนางอังเกลา ก็จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของพวกเขาเอง


กรมธนารักษ์แห่งสหรัฐฯเผย ปริมาณการถือครองตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯในประเทศจีนและญี่ปุ่น ปรับลดลงให้เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินของทั้ง 2 ประเทศ


โดยปริมาณการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯมากที่สุดในโลก ปรับลดลงสู่ระดับ1.176 ล้านล้านเหรียญ ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ปริมาณการถือครองที่สูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 1.189 ล้านล้านเหรียญ เมื่อเดือนต.ค.

ขณะที่ ปริมาณการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 1.084 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2013 ที่มีการถือครองอยู่ที่1.083 ล้านล้านเหรียญ


· น้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นก่อนทราบรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ถูกคาดว่าจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดขึ้น 23 เซนต์ ที่ระดับ 69.38 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 24 เซนต์ ที่ระดับ 63.97 เหรียญ/บาร์เรล 




บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com