• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯอ่อนตัว ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่อีซีบีย้ำเน้นถึงการพิจารณาจะปรับลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงมาแถวระดับ 91.814 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 2 ม.ค. หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดบริเวณ 91.751 จุด ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 20 ก.ย.
ขณะที่ค่าเงินเยนยังทรงตัวบริเวณ 111.27 เยน/ดอลลาร์ หลังจากลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดเมื่อวานนี้บริเวณ 111.05 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1.2050 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้เคียงกับระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 เดือนบริเวณ 1.2089 ดอลลาร์/ยูโร และทำให้โดยภาพรวมสัปดาห์นี้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นได้ 0.2%
• รายงานจาก Daily FX ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ (CPI) ที่จะเปิดเผยในค่ำคืนนี้ ถูกคาดการณ์ว่าจะประกาศออกมาชะลอตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 2.2% สู่ระดับ 2.1% ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯชะลอตัวลง
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Daily FX กล่าวว่า นักวิเคราะห์ส่วนมากประเมินภาพรวมเศรษฐกิจแข็งแกร่งมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความประหลาดใจให้กับตลาดหากตัวเลขทางเศรษฐกิจประกาศออกมาผิดกับที่คาดหวัง และจะกดดันกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยปัจจุบัน ตลาดมองโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 82% สำหรับเดือน มี.ค
• นักลงทุนในตลาดการเงินส่วนใหญ่ตอบรับกับนโยบายคุมเข้มทางการเงินของบรรดาธนาคารกลางต่างๆ โดยสัญญาณล่าสุดของอีซีบีที่จะปรับลดการเข้าซื้อพันธบัตร 2.55 ล้านล้านยูโร (3.07 ล้านล้านเหรียญ) ในปีนี้ กรณ๊ที่เศรษฐกิจยุโรปยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
• รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งเม็กซิโก กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลเม็กซิโกจะไม่ยิมยอมจ่ายค่าก่อสร้างกำแพงระหว่างชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกโดยเด็ดขาด ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าจะบังคับให้เม็กซิโกจ่ายค่าก่อสร้างกำแพงผ่านทางสนธิสัญญา NAFTA
• ผลสำรวจโดย BoJ พบว่า ภาคครัวเรือนในญี่ปุ่นจำนวนมากขึ้นคิดเป็นจำนวน 75.6% คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศจะสามารถขยายตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ได้ภายในปี 2018 ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะสามารถขยายตัวต่อไปยังระดับเป้าหมายของ BoJ ที่ 2% ได้
• รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น กล่าวในวันนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะประกาศสิ้นสุดภาวะเงินฝืดก่อนที่ดัชนีราคาผู้บริโภคจะบรรลุเป้าหมาย 2% ของบีโอเจ
• จากรายงานของสำนักข่าว CNBC พบว่า ดุลการค้าจีนในปี 2017 พบว่า ยอดส่งออกสามารถขยายตัวได้ 10.8% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 18.7% ในภาพเงินหยวนจีนไปเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับในภาพเงินดอลลาร์เทียบกับเงินหยวน ยอดนำเข้าจีนขยายตัว 15.9% ขณะที่ยอดส่งออกขยายตัว 7.9% ทั้งนี้ ยอดดุลการค้าของจีนตลอดปี 2017 อยู่ที่ระดับ 4.225 หมื่นล้านเหรียญ
จากตัวเลขดุลการค้าที่ประกาศออกมายังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งตลอดปี 2017 ของเศรษฐกิจจีน แม้บางส่วนจะมีความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวก็ตาม
• ยอดการค้าระหว่างเกาหลีเหนือและจีนชะลอตัวลง 10.5% ในปี 2017 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในเดือนธ.ค. ปี 2017 ซึ่งยอดการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศปรับร่วงลงถึง 50.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2016
ทั้งนี้ ยอดนำเข้าจากเกาหลีเหนือสู่จีนในเดือนธ.ค. ปรับลดลง 81.6% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดส่งออกปรับลดลงถึง 23.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน
การชะลอตัวของการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เป็นผลกระทบมาจากนโยบายการคว่ำบาตรจากองค์การสหประชาชาติรวมถึงเสียงกดดันจากสหรัฐฯ รัฐบาลจีนจีนจึงมีการประกาศสั่งห้ามบรรดาผู้ประกอบการภายในประเทศทำธุรกิจใดๆกับเกาหลีเหนือ
• ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. ปี 2014 ที่ทำไว้เมื่อวานนี้ โดยน้ำันดิบ WTI ปรับลง 29 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.6% ที่ระดับ 63.41 เหรียญ จากระดับสูงสุดวานนี้ บริเวณ 64.77 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 15 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.2% ที่ระดับ 69.11 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากทำระดับสูงสุดวานนี้บริเวณ 70.05 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี แม้ว่านักวิเคราะห์และเหล่าเทรดเดอร์จะกล่าวเตือนถึงความเสี่ยงภาวะขาลงของราคาในช่วงเริ่มต้นปี แต่ดูเหมือนเงื่อนไขภาพรวมของตลาดยังมีความแข็งแกร่ง โดยได้รับอานิสงส์จากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ร่วมด้วยสมาชิกนอกกลุ่มโอเปก