· ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ บริเวณ 92.051 จุด ปรับสูงขึ้นจากระดับสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ 91.751 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 2017 โดยค่าเงินดอลลาร์แทบไม่ได้รับกระทบจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาอ่อนกว่าคาดเมื่อคืนวันศุกร์
นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui Banking Corporation กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์เมื่อคืนวันศุกร์ได้รับแรงหนุนมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้น จึงได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอเพียงเล็กน้อย ขณะที่การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นการพักฐานชั่วคราว
สำหรับค่าเงินดอลลารืเมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% บริเวณ 113.20 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวที่บริเวณ1.2027 ยูโร/ดอลลาร์
· รายงานจาก Reuters เผย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดประเมินผลกระทบของนโยบายปฏิรูปภาษี ที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าจะเป็นเพียงแรงหนุนในระยะสั้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นปัจจัยที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอย่างถาวรตามที่ประธานษธิบดีสหรัฐฯอ้างไว้ ขณะที่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดในด้านใดที่จำเป็นต้องให้เฟดมีการออกนโยบายฉุกเฉิน อย่างที่นักวิเคราะห์บางส่วนได้เตือนไว้
· สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า กระทรวงการคลังจีนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และ China merchants capital investmentประกาศอัดฉีดเงินทุนสนับสนุนภาคธุรกิจเป็นจำนวน 3 หมื่นล้านหยวน (4.63 พันล้านเหรียญ) เข้าสู่ระบบการเงิน เพื่อกระตุ้นการการเติบโตของอุตสาหกรรมบริการภายในประเทศ และยกระดับการค้าระหว่างประเทศ
· ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังจากที่ปรับตัวลงจากจำนวนแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว
น้ำมันดิบ WTI ทรงตัวที่ระดับ 61.62 เหรียญ/บาร์เรล โดยวันนี้ภาพรวมปรับขึ้นได้ 18 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.3% จากราคาปิดเมื่อคืนนี้ โดยราคายังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 62.21 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ค.2015
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 15 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.2% ที่ระดับ 67.77 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากทำ High บริเวณ 68.27 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ พ.ค. ปี 2015