MTS Help Center

ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 2017 ที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในช่วงทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางเศรษฐกิจแต่ละประเทศที่เคลื่อนไหวในเชิงบวก

ซึ่งจะเห็นได้ว่าดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถทำระดับสูงสุดได้เป็นประวัติการณ์ได้ในปี 2017 โดยที่มีแรงหนุนสำคัญมาจากทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่รัฐบาลเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญของพรรคคอมมิสต์ครั้งที่ 19 ในช่วงตุลาคมปี 2017 แต่ว่าหลังจากที่การประชุมได้สิ้นสุดลงไป และรัฐบาลจีนก็ดูมีท่าทีจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินภายในประเทศอย่างแข็งกร้าว จึงส่งผลให้เกิดความกังวลกับตลาดโลกว่า เศรษฐกิจจีนอาจเผชิญกับการชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2018 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่า “หลังจากที่การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนได้จบสิ้นลง เราจึงคาดว่าเศรษฐกิจจีนได้เติบโตถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ประกาศออกมาไม่ค่อยสดใสนักในช่วงปลายปี 2017 ที่แม้ตลาดจีนจะไม่ได้ให้ความสนใจตัวเลขดังกล่าวมากนักเนื่องจากมองว่าเป็นเพียงแค่ผลกระทบแบบชั่วคราวเท่านั้น”

“เรากังวลว่าจีนอาจได้รับแรงกดดันจากนโยบายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับสูงขึ้นจนดึงดูดเม็ดเงินออกจากประเทศจีนและกดดันค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงมา หากเป็นเช่นนั้น ธนาคารกลางจีนน่าจะมีนโยบายเข้าควบคุมสภาพคล่องของตลาดตามมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน”

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก OppenheimerFunds ประเมินว่า รัฐบาลจีนกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศให้เป็นรูปแบบ “เติบโตช้าลงแต่มั่นคง” ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบให้ปริมาณการลงทุนภายในประเทศจีนลดลงไปบางส่วน แต่เศรษฐกิจจีนก็ยังดูมีทิศทางที่สดใสสำหรับปี 2018 และปีต่อๆไป

ที่มา: CNBC