MTS Help Center

• ค่าเงินยูโรปิดลดลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ผลการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นของแคว้นคาตาโลเนียได้รับชัยชนะ และก่อให้เกิดความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากประเทศสเปน โดยค่าเงินยูโรร่วงลง 0.1% ที่ระดับ 1.1858 ดอลลาร์/ยูโร แต่ภาพรวมของปีนี้ค่าเงินยูโรก็ปรับแข็งค่าได้เกือบ 13% ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่าที่มากที่สุดในรอบ 14 ปี

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 93.316 จุด และภาพรวมปีนี้ปรับอ่อนค่าลงไปประมาณ 8.5% ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 113.30 เยน/ดอลลาร์

• ราคา Bitcoin เมื่อคืนวันศุกร์ปรับร่วงลงกว่า 30% ต่ำกว่าระดับ 12,000 เหรียญ ท่ามกลางแรงเทขายอย่างมหาศาลจากเหล่านักลงทุน หลังจากที่ราคาสามารถทำระดับสูงสุดได้ที่บริเวณ20,000 เหรียญ ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนให้ระมัดระวังภาวะฟองสบู่ของ Bitcoin

ทั้งนี้ ราคา Bitcoin ปรับร่วงลงทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 11,159 เหรียญ ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมายืนบริเวณ 14,000 เหรียญ แต่ในภาพรวมรายสัปดาห์ ราคา Bitcoin ปรับร่วงลงไปกว่า 25% จึงเป็นการปรับลดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2013

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เซ็นลงนามร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้อย่างเป็นทางการเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายภาษีจะปรับลดระดับภาษีของนิติบุคคลลงสู่ระดับ 21% จากเดิมที่ 35% ซึ่งพรรครีพับลิกันเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยเศรษฐกิจสหรัฐฯได้อย่างแข็งแกร่ง

• ดุลการค้าระหว่างจีนและเกาหลีเหนือขยายตัวมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายนสู่ระดับ 388 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15.9% จากระดับ 334.89 ล้านเหรียญเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ยังคงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับยอดดุลการค้าเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาที่ระดับ 613.2 ล้านเหรียญ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรจากสหประชาชาติที่กดดันปริมาณการค้าขายอยู่

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง โดยทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่กลุ่มผู้นำโอเปก อย่าง ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียมีแผนจะออกจากข้อตกลงกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 35 เซนต์ ที่ระดับ 65.25 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 11 เซนต์ ที่ระดับ 58.47 เหรียญ/บาร์เรล

• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรจากองค์การสหประชาชาติที่ปิดกั้นการส่งออกสินค้าสู่เกาหลีเหนือ เปรียบเสมือนการยุยงให้เกิดสงครามและไม่ต่างอะไรไปจากการปิดกั้นเกาหลีเหนือโดยสมบูรณ์ พร้อมข่มขู่จะลงโทษประเทศที่ให้การสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือฉบับใหม่ โดยกำหนดให้จำกัดการส่งออกสินค้าปิโตรเลียมเป็นปริมาณมากกว่า 90% และกำหนดเพดานการส่งออกน้ำมันดิบไว้ที่ 500,000 บาร์เรล/ปี รวมถึงกำหนดให้ส่งแรงงานเกาหลีเหนือกลับสู่ประเทศภายใน 24 เดือน จากเดิมที่กำหนดไว้ 12 เดือน

• รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งรัสเซียยืนยัน บรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเร่งดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับแผนดำเนินงานเพื่อยกเลิกการใช้ข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทันทีที่เริ่มทีสัญญาณถึงความสมดุลของตลาดน้ำมัน