• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง จากนักลงทุนที่ยังไม่มั่นใจจะทำสถานะครั้งใหญ่ในช่วงก่อนวันหยุดยาว ขณะที่ตลาดรับรู้เรื่องของแผนปฏิรูปภาษีไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดจึงจำกัดการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ยังคงทรงตัวที่ระดับ 93.264 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาที่ระดับ 1.1873 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนทรงตัว 113.32 เยน/ดอลลาร์
• ภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงขยายตัวได้เร็วมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในไตรมาสที่ 3 นี้ที่ระดับ 3.2% โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ รวมทั้งอาจได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้นจากกฎหมายปฏิรูปภาษีที่ผ่านมติของสภาคองเกรส ในสัปดาห์นี้
ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานที่ถึงแม้จะออกมาเพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ภาพรวมก็ยังคงชี้ให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยคนว่างงานยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 146 และเป็นการปรับตัวลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
• พรรครีพับลิกันแห่งสภาคองเกรสจะทำการร่างกฎหมายเพื่อลดช่องวางและทำให้รัฐบาลยังคงเปิดทำการได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวจะหมดอายุลง และเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก่อนช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส หลังจากที่ส.ส.ผ่านร่างกฎหมายด้วยมติ 231 ต่อ 188 เสียง สำหรับงบประมาณขององค์กรด้านการเงินต่างๆจนถึงวันที่ 19 ม.ค.นี้
• รายงานจากบลูมเบิร์ก ระบุว่า บริษัท Goldman Sachs มีการตั้งสินค้าซื้อขายในตลาดสกุลเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin โดยมีเป้าหมายที่จะมีผลบังคับใช้ได้ภายในช่วงสิ้นเดือนิ.ย. ท่ามกลางกระแสความสนใจของกลุ่มลูกค้าต่อสินค้าประเภทดังกล่าว จึงทำให้ทาง Goldman Sachs ต้องหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อรองรับและตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว
• บรรดาประเทศมากกว่า 120 ประเทศ ต่างต่อต้านการใช้อำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการออกคำสั่งให้นครเยรูซาเลมถือเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ทั้งนี้ ในการลงมติภายในองค์การสหประชาชาติ มีประเทศที่ลงมติไม่สนับสนุนนายทรัมป์ทั้งสิ้น 128 ประเทศ มีเพียง 9 ประเทศเท่านั้นที่สนับสนุนนายทรัมป์ และอีก 35 ประเทศไม่ได้ออกเสียงแต่อย่างใด
ขณะที่เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ได้ข่มขู่ว่าจะตัดเงินช่วยเหลือสำหรับประเทศที่โหวตต่อต้านคำสั่งของเขา ซึ่งดูเหมือนจะมีผลกระทบเพียงบางส่วนในการลงมติเท่านั้น
• คณะกรรมการด้านความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติเตรียมลงมติ เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือภายในวันศุกร์นี้ เนื่องจากเกาหลีเหนือได้มีการละเมิดข้อตกลงของสหประชาชาติเกี่ยวกับการพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธ
ร่างนโยบายของมาตรการคว่ำบาตรฉบับล่าสุดนี้ จะสั่งห้ามนานาประเทศส่งออกสินค้าปิโตรเลียมสู่เกาหลีเหนือคิดเป็นประมาณ 90% ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบจะถูกจำกัดที่จำนวน 500,000 บาร์เรล/ปี ซึ่งจะทำให้ปริมาณสต็อกน้ำมันของเกาหลีเหนือถูกจำกัดอยู่ที่ 4 ล้านบาร์เรล/ปี เท่านั้น
• ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่การจัดการท่อส่งน้ำมัน Forties ของอังกฤษในทะเลเหนือ น่าจะกลับมาให้บริการได้อีกครั้งในช่วงต้นเดือนม.ค.นี้ หลังจากที่ปิดปรับปรุงในช่วงคริสต์มาส โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 20 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.3% ที่ระดับ 64.76 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 24 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 58.33 เหรียญ/บาร์เรล