• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560

    3 พฤศจิกายน 2560 | Economic News


• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่พรรครีพับลิกันเปิดเผยแผนภาษีฉบับยกเครื่อง โดยในร่างกฎหมายดังกล่าวมีใจความสำคัญในการหั่นภาษีนิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากระดับ 35% อันครอบคลุมไปถึงการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย ขณะที่นักวิเคราะห์บางสว่นยังมองว่าแผนดังกล่าวไม่มีแนวโน้มที่จะได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรส หรือแม้แต่ส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯใดๆ ตามการกล่าวอ้างในการหาเสียงนายทรัมป์ โดยตลาดกลับมีข้อสงสัยว่าแผนภาษีดังกล่าวนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อจีดีพีมากกว่า

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการปรับลดภาษีจะส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และผลักดดันให้เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น และนั่นจะเป็นปัจจัยที่ทำใหค่าเงินดอลลาร์มีความน่าสนใจ แต่หากแผนภาษีดังกล่าวล้มเหลวในการผ่านหรือผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ ก็จะกลายเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์ในทันที

ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมาที่ระดับ 94.411 จุด ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 26 ต.ค. ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบสัปดาห์บริเวณ 1.1687 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนแข็งค่าลงหลังทราบแผนปฏิรูปภาษีดังกล่าว ลงมาที่ระดับ 113.55 เยน/ดอลลาร์

• สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสรุปแผนการปรับลดภาษีจำนวน 1.5 ล้านล้านเหรียญที่จะส่งผลให้เกิดการปรับลดภาษีนิติบุคคลและการออมเงินมากขึ้นเล็กน้อยสำหรับครอบครัวชนชั้นกลาง ซึ่งผลประโยชน์สำหรับผู้เสียภาษีตามนโยบายที่รีพับลิกันเปิดเผยออกจาก จะแตกต่างกันออกโดยขึ้นอยู่กับระดับภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้

โดยผู้มีรายได้ไม่ถึง 24,000 เหรียญ ไม่ต้องเสียภาษี สำหรับคู่สมรสที่มีรายได้รวมกันสูงกว่า 90,000 เหรียญขึ้นไป จะเรียกเก็บภาษี 12% คู่สมรสที่มีเงินได้รวมสูงกว่า 260,000 เหรียญ จะทำการปรับลดภาษีลงมาที่ระดับ 25% ขณะที่คู่สมรสที่มีเงินได้รวมสูงกว่า 1 ล้านเหรียญจะเรียกเก็บภาษีที่ระดับ 35% ขณะที่ภาษีคนโสดหรือผู้ยื่นแยกประเภทอาจจะเรียกเก็บครึ่งหนึ่งของจำนวนข้างต้น โดยผู้ทีจะถูกเรียกเก็บภาษีจำนวน 35% โดยจะคำนวณจากคนโสดที่มีรายได้ 200,000 เหรียญขึ้นไป

นโยบายภาษีดังกล่าวคิดเป็นการปรับลดภาษีลงถึง 1 เท่าตัวจากระดับปัจจุบัน สำหรับครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง โดยระดับภาษีคิดเป็น 24,000 เหรียญสำหรับคู่สมรส และ 12,000 เหรียญสำหรับรายบุคคลจากระดับปัจจุบันที่ 6,530 เหรียญ ทั้งนี้ รีบลิกันยังเสนอแผนปรับเพิ่มเครดิตของครอบครัวที่มีบุตร โดยระดับเครดิตจเพิ่มสู่ระดับ 1,600 เหรียญ จากระดับ 1,000 เหรียญในปัจจุบัน

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเลือก นายเจอโรม โพเวลล์ มาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไป ซึ่งเขาจะเป็นผู้สานต่อเป้าหมายของนางเยลเลนในการผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัวได้หลังจากที่เกิดวิกฤตทางการเงินในปี 2007-2009 และการเลือกนายโพเวลล์ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ให้สร้างความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในขณะนี้ได้น้อยกว่าตัวเลือกคนอื่นๆ รวมไปถึงภาวะขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วจำนวน 2 ครั้งในปีนี้ และมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าจะเกิดขึ้นอีกจำนวน 1 ครั้งในเดือนหน้า

แต่การมาของนายโพเวลล์ มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนและเรียกร้องการผ่อนคลายกฎระเบียบของภาคการเงินภาคธนาคารในช่วงเกิดวิกฤตมากกว่า ซึ่งนี่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งสำหรับนายทรัมป์ หลังจากที่นายทรัมป์ได้ทำการแต่งตั้ง นายแรนดัล ควอเลส มาดำรงตำแหน่งรองประธานเฟดด้านกำกับดูแลภาคธนาคาร

บรรดานักลงทุนและนักวิเคราะห์มีมุมมองที่ดีต่อการมาของนายเจอโรม โพเวลล์ ในฐานะประธานเฟดคนต่อไป ซึ่งภาพรวมอาจจะไม่ส่งผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะยาวนั่นเอง ซึ่งถึงแม้มุมมองต่อนายโพเวลล์ในช่วงแรกจะเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์ มาจากแนวโน้มที่ว่าเขาดูจะสนับสนุนแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าจะมีท่าทีที่แข็งกร้าวกว่านี้ แต่ในระยะยาวเชื่อว่าเขาน่าจะส่งผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์เนื่องจากภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้น

• น้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกจากการปรับลดอุปทานของกลุ่มโอเปกส่งผลให้ตลาดตึงตัวขึ้นและสต็อกน้ำมันดิบมีการปรับลดลง

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 13 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.2% ที่ระดับ 60.62 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 61.70 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก.ค.ปี 2015

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 24 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 54.54 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com