• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 กันยายน 2560

    27 กันยายน 2560 | Economic News


 

·         ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลี

ขณะเดียวกันตลาดรอคอยที่จะได้ยินแผนปฏิรูปภาษีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันในการออกกฎหมาย ขณะที่ล่าสุดทางพรรครีพับลิบลิกันพยายามที่จะผลักดันร่างกฎหมายสุขภาพเพื่อแทน Obamacare

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 31 ส.ค. โดยมาทรงตัวที่ระดับ 92.966 จุด ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.24%

ค่าเงินยูโรทรงตัวแถวระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนบริเวณ 1.1781 ดอลลาร์/ยูโร โดยนักลงทุนตอบรับกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของเยอรมนี ก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ที่ระดับ 112.27 เยน/ดอลลาร์

·         ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเมื่อคืนนี้ ยังคงระบุว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อ และมีความเป็นไปได้ว่า เฟดอาจมี “ข้อกำหนดที่ผิดพลาด” เกี่ยวกับโมเดลของเงินเฟ้อ จึงทำให้อาจ “ตัดสินใจผิดพลาด” จากปัจจัยสำคัญที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งอย่างตลาดแรงงาน ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อยังคงเป็นไปตามที่พวกเราคาดหวัง ดังนั้น เฟดจึงจำเป็นที่จะยังคงเปิดกว้างกับความเป็นไปได้ในการตัดสินใจดำเนินนโยบายใดๆต่อไป เนื่องจาก อาจเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่เฟดจะคงนโยบายการเงินไว้ จนกว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2%

ทั้งนี้ หากปราศจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็มีความเสี่ยงที่ตลาดแรงงานอาจเผชิญกับภาวะ Overheat และจะส่งผลให้เงินเฟ้อต้องเผชิญปัญหาในการปรับตัวลดลงต่อ ซึ่งนั่นจะเป็นการยากที่เฟดจะเอาชนะกับปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

·         ช่วงก่อนกล่าวถ้อยแถลงของประธานเฟด นายราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า หนึ่งในสมาชิกเฟดที่ไม่ได้มีสิทธิลงคะแนนปีนี้ แสดงความคิดเห็นว่า ต้องการที่จะเห็น “หลักฐานที่ชัดเจน” ว่าเงินเฟ้อนั้นกำลังปรับตัวขึ้นก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป แต่ไม่ได้ระบุถึงวาระการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้

·         รายงานล่าสุดจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ชี้ให้เห็นว่า โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากระดับประมาณ 40ในเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 78% ในปัจจุบัน

·         ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ อันได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกันยายนปรับตัวลดลง ประกอบกับยอดขายบ้านใหม่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ในเดือนส.ค. เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์และเออมาร์ จึงส่งผลสะท้อนว่าผลกระทบจากพายุเฮอริเคนอาจสร้างผลเสียต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 นี้

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า พรรครีพับลิกันดูจะประสบความล้มเหลวอีกครั้งในการผลักดันร่างกฎหมายเพื่อมาแทนที่Obamacare และยิ่งสร้างคำถามเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารเงินตามแผนที่นายทรัมป์ได้วางไว้

อย่างไรก็ดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่า เขาต้องการที่จะขอความร่วมมือจากพรรคฝ่ายค้านเพื่อให้ช่วยกันผลักดันนโยบายประกันสุขภาพที่จะมาแทนที่ Obamacare และนโยบายปฏิรูปภาษีทั้ง 2 นโยบาย ท่ามกลางแรงกดดันจากหลายๆฝ่าย หลังจากที่นโยบายประกันสุขภาพมีท่าทีจะล่าช้าอีกครั้ง

ทั้งนี้ คณะบริหารของนายทรัมป์เตรียมเปิดเผยรายละเอียดของนโยบายปฏิรูปภาษีอีกครั้งหนึ่งในช่วงค่ำคืนนี้

·         เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเตือนเกาหลีเหนือว่า การดำเนินการทางทหารใดๆของสหรัฐฯอาจเป็นการสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากแก่เกาหลีเหนือ แต่การดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้น หากเกาหลีเหนือยอมเจรจาเรื่องโครงการพัฒนาขีปนาวุธ


·         ในการประชุมสนธิสัญญา NAFTA ระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางสหรัฐฯได้เปิดเผยถึงแบบร่างนโยบายยกระดับมาตรฐานของตลาดแรงงานระหว่างทั้ง ประเทศ แต่ตัวแทนจากแคนาดายังคงมองว่าแบบร่างดังกล่าวยังคงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้งานได้จริง


·         รายงานจากสำนักข่าวในญี่ปุ่นเผย พรรคเดโมแครตของญี่ปุ่น นำโดยนายเซย์จิ มาเอฮาระ และพรรคการเมืองของนางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าเมืองโตเกียว ทั้ง พรรคกำลังเจรจาที่จะจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลขึ้น ก่อนหน้าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ส่งผลให้กระแสคาดการณ์ของการเลือกตั้งเริ่มมีความไม่แน่นอน


·         ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 58 เซนต์ หรือคิดเป็น -1% ที่ระดับ 58.44 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 59.49 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ค. ปี 2015 หรือปรับขึ้นแล้วกว่า 34% จากระดับต่ำสุดของปีนี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 34 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.7% ที่ระดับ 51.88 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน บริเวณ 52.43 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงประมาณ 1% หลังจากที่นักลงทุนเลือกทำการเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน จากข่าวที่ว่าตุรกีจะทำการตัดลดการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ติส ของอิรัก

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันก่อนทราบข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้ ที่ถูกคาดว่าอาจเห็นสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com