MTS Help Center

• ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน จากมุมมองที่ไม่ค่อยดีนักต่อภาวะการเมืองของสหรัฐฯ ประกอบกับแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยจะเห็นได้ว่า ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาบริเวณ 110.005 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะทรงตัวที่ระดับ 110.20 เยน/ดอลลาณ์

• นักวิเคราะห์จาก Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนอาจดีดกลับมาแถวระดับ 111.5 เยน/ดอลลาร์ได้อีกครั้ง หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ระดับ 112 เยน/ดอลลาร์ดูจะเป็นไปได้อยากที่ดอลลาร์จะแข็งค่ากลับไปได้ในระยะสั้นๆนี้

• ดัชนีดอลลาร์วันนี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 92.877 จุด หลังจากที่เมื่อวานนี้ทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่่ผ่านมา ที่ระดับ 92.784 จุด ขณะที่การอ่อนค่าในเดือนก.ค. ถือเป็นการอ่อนค่าต่อเนื่องเดอืนที่ 5 และถือเป็นระดับการอ่อนค่าที่ยาวนานต่อเนื่องมากที่สุดนับตั้งแต่ธ.ค. ปี 2010 - เม.ย. ปี 2011

• ค่าเงินยูโรอ่อนค่่าลงเล็กน้อย 0.1% ที่ระดับ 1.1830 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งในช่วงเช้าวันนี้บริเวณ 1.1846 ดอลลาร์/ยูโร

• นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า เหล่าเทรดเดอร์อาจปรับลดสถานะการถือครอง Long ในค่าเงินยูโรลงขณะนี้ และกำลังมองหาจังหวะที่จะเข้าซื้อค่าเงินยูโรอีกครั้งเมื่อค่าเงินยูโรนั้นปรับอ่อนค่าลง โดยนักลงทุนจะประเมินแนวโน้มจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของญี่ปุ่น ประจำเดือนก.ค. ปรับตัวลดลงที่ระดับ 52.1 ซึ่งน้อยกว่าขั้นที่สองที่ระดับ 52.2 และขั้นสุดท้ายที่ระดับ 52.4 เมื่อเดือนก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการส่งออกอ่อนตัวลง อย่างไรก็ดีดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอยู่

• ภาคอุตสาหกรรมจีนขยายตัวได้ในเดือนกรกฏาคม ท่ามกลางยอดส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีคำสั่งซื้อภาคเอกชนประจำเดือนกรกฏาคมโดย Caixin ปรับขึ้นสู่ระดับ 51.1 จุด ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 10 เดือน เพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ระดับ 50.4 จุด

อย่างไรก็ดี อัตราจ้างงานในโรงงานของจีนกลับลดลงด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่มุมมองเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำ นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จึงเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนอาจเริ่มชะลอตัวในเดือนต่อๆไป

• รัฐบาลจีนตอบโต้คำประนามของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวว่าจีนไม่ได้ดำเนินการใดๆเพือหยุดยั้งการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาของจีนเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย

ขณะที่รัฐบาลจีนประสบภาวะตึงเครียดมากขึ้น เพราะได้รับแรงกดดันจากทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่ให้จีนเร่งดำเนินการหยุดยั้งการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ

• นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซูเอลา กล่าวในการแถลงข่าวผ่านทางโทรทัศน์ เกี่ยวกับการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ โดยสรุปได้ว่า เขาจะไม่รับฟังคำสั่งจากสหรัฐฯ พร้อมท้าทายให้คว่ำบาตรต่อไปขณะที่สหรัฐฯประนามนายนิโคลัส ว่าเป็น “เผด็จการ” ที่หลงไหลในอำนาจ

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณอุปสงค์น้ำมันดิบสหรัฐฯ อย่างไรก็ดียังถูกกดันจากปริมาณน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปคที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนก.ค. ที่ระดับ 90,000 บาร์เรล/วัน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% ที่ระดับ 50.32 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.25% ที่ระดับ 52.85 เหรียญ/บาร์เรล