• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 31 กรกฏาคม 2560

    31 กรกฎาคม 2560 | Economic News


 


·         ค่าเงินดอลลาร์เมื่อคืนวันศุกร์ปรับอ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ปรับลงมา 0.46% ที่บริเวณ 93.35 จุด ใกล้ระดับ 93.00 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่สูญเสียความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯหลังตัวเลขจีดีพีออกมาน่าผิดหวัง

ขณะที่ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.51% ที่บริเวณ 1.1735 ยูโร/ดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่1.1777 ยูโร/ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อของนักลงทุนภายหลังจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์

·         เช้านี้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สร้างความไม่แน่ใจให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้นว่าเฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้หรือไม่ โดยค่าเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1743 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อยบริเวณ 93.413 จุด  และค่าเงินเยนเช้านี้อ่อนค่าขึ้นเล็กน้อยบริเวณ 110.525 เยน/ดอลลาร์



·         ข้อมูลประมาณการณ์จีดีพีครั้งแรกประจำไตรมาสที่ 2/2017 ของสหรํฐฯออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 2.6โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการค้า โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคธุรกิจนั้นเพิ่มสูงขึ้น แต่ข้อมูลค่าแรงที่ชะลอตัวยังคงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อแนวโน้มการขยายตัวแม้ว่าอัตราคนว่างงานจะอยู่แถวระดับ 4.4% ในไตรมาสที่ 2 ขณะที่ข้อมูลจีดีพีไตรมาสแรกนั้นถูกปรับทบทวนลงมาที่ระดับ 1.2%

ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังอ่อนตัวอาจกดดันต่อแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้นั่นเอง

·         ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ประสบภาวะ Overvalued  ประมาณ 10-20% จากปัจจัยทางเศรษฐกิจในระยะสั้น ขณะที่ความผันผวนจากค่าเงินยูโร ค่าเงินเยน และค่าเงินหยวน ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยควบคู่กันไป


·         นางซาบีน หนึ่งในคณะกรรมาธิการกำกับดูแลของอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีควรเริ่มต้นพิจารณาเกี่ยวกับการกลับมาดำเนินนโยบายปกติ และช่วงเวลาที่ต้องปรับลดการเข้าซื้อพันธบัตร ก่อนที่สัญญาณบวกทางเศรษฐกิจจะอ่อนตัว และความเสี่ยงมีเพิ่มสูงขึ้น


·         นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า สหรัฐฯอาจต้องลดเจ้าหน้าที่ทางการทูตในรัสเซียลงประมาณ 755 ราย และรัสเซียอาจตัดสินใจเพิ่มมาตรการต่อทางสหรัฐฯเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรฉบับใหม่ของสหรัฐฯที่ถูกอนุมัติล่าสุดโดยสภาคองเกรส


·         สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบขีปนาวุธอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเป็นขีปนาวุธประเภทจรวดยิงข้ามทวีป (ICBM) โดยถูกยิงตกลงไปในน่านน้ำของญี่ปุ่น ไกลออกไปจากชายฝั่งประมาณ 230 ไมล์ (ประมาณ 370กิโลเมตร) เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหายแต่อย่างใด

·         กองทัพอากาศสหรัฐฯที่ประจำการในเกาหลีใต้ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น B-1B จำนวน 2 ลำ บินผ่านพื้นที่ของเกาหลีเหนือเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการแสดงถึงศักยภาพของกำลังทางการทหารของสหรัฐฯและเกาหลีใต้

·         นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญ่ปุ่น กล่าวว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐฯว่าเขาเห็นด้วยที่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือหลังมีการยิงมิสไซต์ล่าสุด

·         ขณะที่เมื่อวานนี้ ทางเกาหลีเหนือ ประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธที่มีความสามารถยิงได้ไกลถึงสหรัฐฯ

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สหรัฐฯมีการยิงมิสไซต์ THAAD ทดสอบเป้าหมายระยะกลางล่าสุด ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องคุมคร้องประเทศ จากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้จากเกาหลีเหนือ และอิหร่าน ซึ่งการทดสอบดังกล่าวเกิดขึ้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก จึงยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือให้เพิ่มขึ้น หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ทางเกาหลีเหนือมีการทดสอบ ICBM ที่อ้างว่าสามารถยิงได้ไกลถึงประเทศสหรัฐฯ

·         คืนวันศุกร์เหล่าเทรดเดอร์มีการทำ Short Covering จึงทำให้ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นได้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 67 เซนต์ หรือคิดเป็น +1.4% ที่ระดับ 49.71 เหรียญ/บาร์เรล และภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้เกือบ 9%

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.03 เหรียญ คิดเป็น +2ที่ระดับ 52.52 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 52.68 เหรียญ/บาร์เรล

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า ราคาน้ำมันดิบคืนวันศุกร์ปิดระดับสัปดาห์ได้อย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะอุปทานในตลาดที่ลดน้อยลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ Brent กลับมายืนเหนือ 50 เหรียญ/บาร์เรลได้ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สิ้นเดือนพฤษภาคม

·         ขณะที่เช้านี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยตลาดยังคงตอบรับกับความตึงตัวของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรเวเนซูเอล่า โดยน้ำมันดิบ Brent ขึ้นไปทำ High 52.76 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com