• จากผลสำรวจล่าสุดของหลายๆสำนัก พบว่านายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีคะแนนความนิยมลดลงต่ำกว่าระดับ 30% ท่ามกลางความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลงจากกรณีข่าวฉาวของนายอาเบะ รวมถึงความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จัดขึ้นในเมืองเซนได ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ชี้ คะแนนความนิยมที่ลดลงอาจส่งผลต่อตำแหน่งของเขาในระยะยาว แต่ในระยะสั้นจะไม่มีผลมากเท่าไหร่
• ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด อาจต้องทบทวนที่จะชะลอแผนการปรับลดงบดุลอีกครั้ง ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. นี้ หลังบรรดาธนาคารกลางต่างๆ อย่างเช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางแคนาดา (BOC) ซึ่งได้ส่งสัญญาณการคุมเข้มทางการเงิน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้นไปในระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากเฟดทำการปรับลดงบดุลในเดือนกันยายนปีนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์จริง จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อไปสู่ด้านภาษีเงินกู้สำหรับธุรกิจ และราคาของอสังหาฯที่จะปรับสูงขึ้นเช่นกัน
• นายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบีไม่ได้ระบุถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนที่จะดำเนินการคุมเข้มทางการเงิน แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่า ในกาปรระชุมเดือนกันยายนอีซีบีอาจประกาศแผนการปรับลดการเข้าซื้อพันธบัตรหรือ QE ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2018 ก่อนที่จะค่อยๆเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน
คณะกรรมาธิการด้านการลงทุนประจำ Quilvest Investment Management กล่าวว่า นักลงทุนเชื่อว่า มาตรการ QE ของอีซีบีจะลดเหลือ 4 หมื่นล้านยูโร/เดือน ในช่วงไตรมาสที่ 4/2017 และอัตราดอกเบี้ยระดับติดลบจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย ขณะที่มุมมองส่วนตัวจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คิดว่ามาตรการ QE จะสิ้นสุดในปี 2018
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ทาง IMF มีการคงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกไว้ที่ระดับการขยายตัว 3.5% ในปี 2017 และ 3.6% ในปี 2018 เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนและจีนก็ตาม
โดย IMF ระบุในรายงาน World Economic Outlook ฉบับล่าสุดว่า ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในระยะสั้นไว้ แต่ระยะกลางยังมีแนวโน้มจะอ่อนเป็นขาลงอยู่
ขณะเดียวกันทาง IMF มีการหั่นคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯลงทั้งปีนี้และปีหน้า หลังจากที่ยังไม่มีรายละเอียดใดๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ ซึ่งถึงแม้เราจะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่การที่สหรัฐฯจะเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนก็อาจส่งผลกระทบขาลงได้ แต่เราก็ยังไมได้ประเมินคาดการณ์ไว้ เพราะหวังใจว่าเรื่องร้ายดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ในขณะนี้
· ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า การประชุมของกลุ่มโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกในวันนี้อาจมีการหารือถึงปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศไนจีเรียและลิเบีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศสมาชิกที่ได้รับการยกเว้นสำหรับข้อตกลงกำลังการผลิตในปัจจุบัน
ในวันนี้บรรดารัฐมนตรีจากกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆจะประชุมร่วมกันในรัฐเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงช่วงสิ้นเดือนมี.ค. ปี 2018
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนก.ย. ปรับตัวสูงขึ้น 12 เซนต์ที่ระดับ 48.18 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ สัญญาณน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ปรับขึ้น 7 เซนต์ ที่ระดับ 45.84 เหรียญ/บาร์เรล