• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 กรกฏาคม 2560

    14 กรกฎาคม 2560 | Economic News


 


• นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเมื่อคืนนี้กล่าวถึงประเด็นการปฏิรูปกฎระเบียบ และหารือถึงเรื่องการขาดประสิทธิผล พร้อมทั้งระบุว่า อาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวที่ระดับ 3% ตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯตั้งเป้าไว้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยให้คำมั่นว่าจะทำการสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถขยายตัวได้ 3% ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยที่มากที่สุดสำหรับช่วง 70 ปีที่ผ่านมา พร้อมคาดการณ์ว่าแผนปฏิรูปภาษีนั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บรรลุเป้าหมายได้

นอกจากนี้ ประธานเฟดชี้ว่า เฟดเห็นด้วยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของระบบธนาคารบางส่วนในปัจจุบัน หากทางรัฐบาลมีทีมบริหารที่ให้การสนับสนุนต่อการเปลี่ยนแปลง อาทิ การผ่อนคลายกฎ Volcker เพื่อความมั่นคงในการทำธุรกรรม เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ทางวุฒิสภามีการเห็นชอบต่อข้อคิดเห็นของเธอในการหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยรอว่าเมื่อไหร่ที่แผนของนายทรัมป์จะบรรลุเป้าหมาย อันเนื่องมาจากแผนปฏิรูปภาษีที่อาจเป็นตัวช่วยได้

• นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าววว่า เฟดควรอดทนรอในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องการเห็นข้อมูลยืนยันว่าเงินเฟ้อนั้นสามารถกลับสู่เป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนดได้ และเขายังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็วกว่า 2% ในปีนี้ โดยได้รับความแข็งแกร่งจากตลาดแรงงาน ที่จะช่วยหนุนให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้น

• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอคอยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่จะประกาศในช่วงค่ำวันนี้ โดยคาดว่าจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ระยะสั้น โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 95.766 จุด ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์นี้อยู่ในทิศทางอ่อนค่า 0.25%

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าแถวระดับ 113.425 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่วันอังคารขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 114.495 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1403 ดอลลาร์/ยูโร

 สรุปประเด็นข่าวของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯวานนี้

- เมื่อวานนี้พรรครีพับลิกัน ได้ทำการยื่นเสนอร่างนโยบายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงต่อสภาคองเกรส โดยนโยบายระบุให้บริษัทประกันภัยสามารถขายประกันในราคาที่ถูกลงได้ แต่การเรียกเก็บภาษีจะเรียกกับผู้มีรายได้สูงเท่านั้น จึงส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้ง 2 ฝ่ายในสภาคองเกรส หนทางต่อไปของนโยบายประกันสุขภาพจึงยังดูไม่ค่อยสดใสนัก

- สำนักงบประมาณประจำรัฐสภาของสหรัฐฯ (CBO) กล่าวว่า แผนงบประมาณค่าใช้ของนายทรัมป์ อาจลดงบดุลของรัฐบาลจนถึงช่วงทศวรรษหน้าได้ แต่จะล้มเหลวในการรักษาสมดุลของงบประมาณ

โดยงบประมาณปี 2018 ที่ถูกเปิดเผยเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า นายทรัมป์มีมุมมองที่จะลดงบประมาณของประเทศ เพื่อไปสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการทหาร ขณะเดียวกันก็จะตัดลดการช่วยเหลือชาวอเมริการายได้น้อยลงไป และจำทำให้ยอดงบดุลในปี 2027 สูงถึงประมาณ 7.2 แสนล้านเหรียญภายใต้นโยบายของทรัมป์ พร้อมประเมินว่าอาจมียอดเกินดุลที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ

ขณะที่การปรับลดงบประมาณด้านคมนาคม และการควบคุมการจราจรทางอากาศ รวมทั้งการบริการรถไฟอาจเผชิญกับการต่อต้านที่แข็งแกร่งในสภาคองเกรสได้

- รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯเรียกร้องให้นานาชาติเตรียมข้อมูลให้ครอคลุมเพื่อช่วยเหลือการยื่นวีซ่าวิชาชีพ (Vet Visa) และตรวจสอบว่าผู้เดินทางเป็นกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ โดยหากประเทศต่างๆล้มเหลวในการปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่ที่จะใช้ ภายใน 50 วัน อาจเผชิญกับการคว่ำบาตรทางการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯได้

- การสร้างกำแพงพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโกอาจสร้างขึ้นเพียง 2,000 ไมล์ (3,200 ก.ม.) โดยอาจไม่ครอบคลุมทั่วทั้งเขตชายแดน จากอุปสรรคทางธรรมชาติ

- นายทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นภาษีของและข้อบังคับการนำเข้าของโลหะอุตสาหกรรมจากประเทศจีน โดยนายทรัมป์ระบุว่าการนำเข้าโลหะจากจีนมาเป็นปริมาณมาก เป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

- คณะบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ประกาศอนุมัติการเปิดเช่าแหล่งน้ำมันในคาบสมุทรเม็กซิโกที่มีปริมาณกว่า 76 ล้านเอเคอร์ รวมลดอัตราค่าภาคหลวง เพื่อเป็นการกระตุ้นการผลิตน้ำมันภายในประเทศ ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ต่ำในตลาดโลก

- ทรัมป์จะเชิญให้ผู้นำรัสเซียมาเยือนทำเนียบขาว แต่ยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจน
- นายทรัมป์เปิดกว้างสำหรับการกลับมาตัดสินใจว่าจะนำสหรัฐฯออกจากข้อตกลงสิ่งแวดล้อมกับทางฝรั่งเศสหรือไม่ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมว่าหากกลับไปจะต้องชักชวนให้เขาทำอะไรบ้าง

- รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯจะเสนอกรอบตัวเลขการจำกัดการนำเข้าเหล็กแก่นายทรัมป์ บนพื้นฐานความมั่นคงแห่งชาติตามที่ได้เข้าพบกับทางวุฒิสภาฯ

• นายพอล ไรอัน โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้ลูกชายคนโตของนายทรัมป์ทำการขึ้นรายงานต่อสภาคองเกรส เกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องระหว่างทีมบริหารของนายทรัมป์กับรัสเซียที่เกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งปี 2016

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นได้ 1.3% หลังจากที่ปริมาณความต้องการทองคำในจีนเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงช่วยบดบังรายงานจาก EIA ที่ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกยังอยู่ในระดับสูง

โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 59 เซนต์ ที่ระดับ 46.08 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 68 เซนต์ หรือคิดเป็น 1.42% ที่ระดับ 48.42 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com