• ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์กลับขึ้นมา หลังจากที่รายงานประชุมเฟดล้มเหลวในการจะสื่อภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่านักลงทุนจะไม่ได้ตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจเชิงลบ เนื่องจากรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยดัชนีดอลลาร์ยังทรงตัวแถวระดับ 96.21 จุด
นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า รายงานประชุมเฟดล่าสุดบ่งชี้ว่า ประธานเฟดกำลังเตรียมที่จะลดยอดงบดุลบัญชีในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ตลาดไม่ได้มีคาดการณ์เป็นวงกว้างเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้
ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 113.32 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยูโรทรงตัว 1.13495 ดอลลาร์/ยูโร
ทั้งนี้ นักลงทุนรอคอยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรคืนวันศุกร์นี้ เพราะหากออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ก็จะส่งให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นได้
• สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯพร้อมที่จะใช้กำลังทางทหารอย่างเต็มที่ หากจำเป็นต้องหยุดเกาหลีเหนือจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีมากกว่า หลังการทดสอบขีปนาวุธที่ทางเกาหลีเหนืออ้างว่าสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ประสบความสำเร็จในการยิงทดสอบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
• บรรดาสมาชิกวิฒิสภาคองเกราของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มกลับมาทำงานกับอีกครั้งในสัปดาห์หน้าหลังจากการหยุดยาวเนื่องโอกาสของวันประกาศเอกราช (Independence Day) ซึ่งการกลับทำงานครั้งหน้านี้ บรรดาส.ส.จะประสบกับกองงานเท่าภูเขา ซึ่งได้แก่ นโยบายประกันสุขภาพ, ปัญหางบประมาณที่ตกลงกันไม่ได้สักที, เพดานหนี้, และนโยบายปฏิรูปภาษี
ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์ของสำนักข่าว New York Times พบว่าบรรดาส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะสามารถทำงานให้เสร็จได้ทันภายในเดือนสิงหาคมได้
• จากผลสำรวจโดย Politico-Morning Consult พบว่า ชาวอเมริกันจำนวน 6 ใน 10 คน สนับสนุนนโยบายกีดกันผู้อพยพจาก 6 ประเทศมุสลิม เว้นเสียแต่ว่าจะสามารถให้หลักฐานที่เพียงพอว่ามีญาติหรือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนในสหรัฐฯ
• นายเล็กซ์ ทิลเลอสัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เตรียมเจรจากับรัฐบาลรัสเซีย เกี่ยวกับการกำหนดให้น่านฟ้าของประเทศซีเรียเป็นเขตห้ามบิน และมาตรการที่จะใช้ร่วมมือกันควบคุมความรุนแรงจากสงครามการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรียรวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับกระทบจากสงคราม
• นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยืนยันจะให้ความร่วมกันเพื่อต่อต้านนโยบายเชิงกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และยกระดับของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งการให้คำตกลงครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้
• บรรดาบริษัทในอังกฤษเริ่มสัญญาณในแง่ลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเกี่ยวกับนโยบาย Brexit โดยผลสำรวจพบว่าเศรษฐกิจอังกฤษเติบโตได้เพียง 0.4% จากไตรมาสที่ 2/2017 ประกอบกับดัชนีวัดความคาดหวังในเศรษฐกิจอังกฤษ ได้ปรับร่วงลงมาระดับที่ไม่เคยเจอมาก่อน นับตั้งแต่การลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนกลับขยายตัวไปเกือบเป็นเท่าตัวที่ 0.7% ในไตรมาสที่ผ่านมา
· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผย จะใช้โอกาสในการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ เพื่อตั้งคำถามกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับสนธิสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส โดยที่ผู้นำประเทศทั้ง 2 จะมีการประชุมแยกอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าในภายหลัง