• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 กรกฎาคม 2560

    6 กรกฎาคม 2560 | Economic News


  

• ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์กลับขึ้นมา หลังจากที่รายงานประชุมเฟดล้มเหลวในการจะสื่อภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่านักลงทุนจะไม่ได้ตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจเชิงลบ เนื่องจากรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยดัชนีดอลลาร์ยังทรงตัวแถวระดับ 96.21 จุด

นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า รายงานประชุมเฟดล่าสุดบ่งชี้ว่า ประธานเฟดกำลังเตรียมที่จะลดยอดงบดุลบัญชีในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ตลาดไม่ได้มีคาดการณ์เป็นวงกว้างเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้

ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 113.32 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยูโรทรงตัว 1.13495 ดอลลาร์/ยูโร

ทั้งนี้ นักลงทุนรอคอยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรคืนวันศุกร์นี้ เพราะหากออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ก็จะส่งให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นได้

• สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯพร้อมที่จะใช้กำลังทางทหารอย่างเต็มที่ หากจำเป็นต้องหยุดเกาหลีเหนือจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีมากกว่า หลังการทดสอบขีปนาวุธที่ทางเกาหลีเหนืออ้างว่าสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ประสบความสำเร็จในการยิงทดสอบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

• บรรดาสมาชิกวิฒิสภาคองเกราของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มกลับมาทำงานกับอีกครั้งในสัปดาห์หน้าหลังจากการหยุดยาวเนื่องโอกาสของวันประกาศเอกราช (Independence Day) ซึ่งการกลับทำงานครั้งหน้านี้ บรรดาส.ส.จะประสบกับกองงานเท่าภูเขา ซึ่งได้แก่ นโยบายประกันสุขภาพ, ปัญหางบประมาณที่ตกลงกันไม่ได้สักที, เพดานหนี้, และนโยบายปฏิรูปภาษี

ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์ของสำนักข่าว New York Times พบว่าบรรดาส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะสามารถทำงานให้เสร็จได้ทันภายในเดือนสิงหาคมได้

• จากผลสำรวจโดย Politico-Morning Consult พบว่า ชาวอเมริกันจำนวน 6 ใน 10 คน สนับสนุนนโยบายกีดกันผู้อพยพจาก 6 ประเทศมุสลิม เว้นเสียแต่ว่าจะสามารถให้หลักฐานที่เพียงพอว่ามีญาติหรือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนในสหรัฐฯ

• นายเล็กซ์ ทิลเลอสัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เตรียมเจรจากับรัฐบาลรัสเซีย เกี่ยวกับการกำหนดให้น่านฟ้าของประเทศซีเรียเป็นเขตห้ามบิน และมาตรการที่จะใช้ร่วมมือกันควบคุมความรุนแรงจากสงครามการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรียรวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับกระทบจากสงคราม

• นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยืนยันจะให้ความร่วมกันเพื่อต่อต้านนโยบายเชิงกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และยกระดับของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งการให้คำตกลงครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้

• บรรดาบริษัทในอังกฤษเริ่มสัญญาณในแง่ลบเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเกี่ยวกับนโยบาย Brexit โดยผลสำรวจพบว่าเศรษฐกิจอังกฤษเติบโตได้เพียง 0.4% จากไตรมาสที่ 2/2017 ประกอบกับดัชนีวัดความคาดหวังในเศรษฐกิจอังกฤษ ได้ปรับร่วงลงมาระดับที่ไม่เคยเจอมาก่อน นับตั้งแต่การลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนกลับขยายตัวไปเกือบเป็นเท่าตัวที่ 0.7% ในไตรมาสที่ผ่านมา

· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผย จะใช้โอกาสในการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ เพื่อตั้งคำถามกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับสนธิสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส โดยที่ผู้นำประเทศทั้ง 2 จะมีการประชุมแยกอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าในภายหลัง


• ราคาน้ำมันปรับขึ้นกว่า 1% หลังจากที่ปรับร่วงไปเมื่อช่วงเช้าผ่านมา ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ แต่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณอุปทานน้ำมันในตลาด

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 1.2% ที่ระดับ 48.35 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1.2% ที่ระดับ45.65 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com