MTS Help Center

ค่าเงินอังกฤษปรับอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 2 หลังจากผลสำรวจภาคการก่อสร้างของอังกฤษชะลอตัวลงในเดือนมิถุนายน จึงยิ่งตอกย้ำสัญญาณทางเศรษฐกิจว่าอาจจะกำลังหดตัวหลังจากที่ชะลอตัวลงในช่วงเริ่มต้นปีนี้

ทั้งนี้ ค่าเงินปอนด์เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยท่าทีที่อ่อนแรงลงไปกว่าครึ่งเซนต์ จากระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออี อาจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษได้กดดันให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 วันบริเวณ 1.2918 ดอลลาร์/ปอนด์

รายงานผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตออกมาแย่ลงที่ระดับ 54.8 จุดในเดือนมิถุนายน แม้ว่าระดับที่ยังเหนือ 50 จุด จะบ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัว แต่ภาพรวมดัชนีดังกล่าวก็ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ทำไว้ในเดือนพฤษภาคมบริเวณ 56.0 จุด นอกจากนี้ข้อมูลล่าสุดยังออกมาแย่กว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ดี ทางบีโออีกำลังพิจารณาว่าจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษหรือไม่ และกำลังจับตาสัญญาการขยายตัวอื่นๆทางเศรษฐกิจว่าจะสามารถชดเชยกับภาวะค่าใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวลงได้หรือไม่ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายที่กำลังปรับตัวลดลง

นาย Gertjan Vlieghe หนึ่งในสมาชิกผู้กำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยของบีโออี กล่าวว่า เขาพอใจที่ให้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำมากกว่า แม้ว่าสมาชิกบีโออีคนอื่นๆจะพึงพอใจให้เกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า แต่ก็ดูเหมือนว่าถ้อยแถลงของสมาชิกบีโออีรายดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินปอนด์ และค่าเงินปอนด์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังคงอยู่ระดับที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 8 เดือน ซึ่งตอบรับกับถ้อยแถลงของนาย Mark Carney ผู้ว่าการบีโออีมากกว่าที่กล่าวเชิง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวได้เต็มที่ และทางบีโออีก็จะหารือถึงประเด็นดังกล่าวในเดือนหน้า

นักกลยุทธ์จาก Nomura กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำสำหรับเงินเฟ้อดูเหมือนว่าจะส่งผลลบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริงของอังกฤษให้ถูกจำกัดมากขึ้น จึงอาจทำให้ค่าเงินปอนด์ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน และเราคาดว่า ตลาดมีการประเมินว่าบีโออีจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหนุนค่าเงินปอนด์ แต่คาดการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความผิดหวังให้แก่ตลาดได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรประเมินถึงผลกระทบระยะกลางของการเปลี่ยนท่าทีดำเนินนโยบายใดๆของบีโออี

ที่มา: Reuters