• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ตอบรับกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ดีดตัวขึ้นแตะ 1.426% หรือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี ทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ที่ระดับ 2.353%
• นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า เหล่าเทรดเดอร์มีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลก่อนจะทราบข้อมูลรายงานการจ้างงานประจำเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ ซึ่งหากข้อมูลการจ้างงานและอัตราค่าแรงขยายตัวได้เกินคาดก็อาจยิ่งผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นได้
• สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯประจำเดือนมิ.ย. ขยายตัวเกินคาดแตะระดับ 57.8 จุด จากระดับ 54.9 จุดในเดือนก่อนหน้า
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า กิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนมิถุนายน บ่งชี้ถึงภาวการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สอง ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการก่อนสร้างยังคงทรงตัวอยู่ในเดือนพ.ค.
• สำหรับดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ที่ระดับ 96.149 จุด ซึ่งถือเป็นระดับการปรับตัวสูงขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบเดือน หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในวันศุกร์ที่ผ่านมาบริเวณ 95.47 จุด เพราะได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯและการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดจับตาการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย ว่าจะมีท่าทีคุมเข้มทางการเงินร่วมกับธนาคารกลางอื่นๆหรือไม่
เช้านี้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.1% ที่ระดับ 1.1373 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ร่วงลงไป 0.6% เมื่อคืนนี้ และอยู่ห่างจากระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 14 เดือนในคืนวันศุกร์บริเวณ 1.1445 ดอลลาร์/ยูโร
ด้านค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 113.36 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นำปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดวานนี้บริเวณ 113.48 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า RBA หรือธนาคารกลางออสเตรเลียถูกคาดว่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ โดยนักลงทุนในตลาดรอดูสัญญาณว่าทาง RBA จะเข้าร่วมดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินเช่นเดียวกับ อีซีบี, บีโออี และบีโอซีหรือไม่
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้พูดคุยกับผู้นำเยอรมนีและอิตาลีผ่านทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับเรื่องสภาวะสิ่งแวดล้อม การค้า และการอพยพ ก่อนที่จะมีการประชุม G20 ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ที่ประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ นายทรัมป์เผยว่า จะจัดการประชุมเพิ่มเติมกับบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ภายหลังจากการประชุม G20 โดยเฉพาะกับเยอรมนีและรัสเซีย
• นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเกี่ยวกับโรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ โดยเธอต้องพักผ่อนที่โรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ถึงคืนวันเสาร์ รายงานเบื้องต้นระบุว่าเธอน่าจะสามารถกลับมาทำงานได้ตามกำหนดการปกติ และจะสามารถกล่าวแนวทางดำเนินนโยบายครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลการเงินของสภาคองเกรสได้ตามกำหนดการวันที่ 12 ก.ค.นี้
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 2% โดยกลับมาเป็นระดับการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกัน 8 วันทำการ ซึ่งถือเป็นระดับการปรับขึ้นติดต่อกันยายนานที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ก.พ. ปี 2012 หลังจากที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯลดน้อยลง ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กล่าวว่า ข่าวเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโอเปกได้จำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบวานนี้
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 91 เซนต์ หรือคิดเป็น +1.9% ที่ระดับ 49.68 เหรียญ/บาร์เรล โดยสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นได้ 5.2% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นสัปดาห์แรกในรอบ 6 สัปดาห์
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.03 เหรียญ หรือคิดเป็น +2.2% ที่ระดับ 47.07 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่วันหยุดสหรัฐฯ เนื่องในวัน Independence Day