• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าต่อเนื่องอีก 0.1% โดยดัชนีดอลลาร์อยู่ที่บริเวณ 95.549 เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ถึงทิศทางการคุมเข้มทางการเงินในเศรษฐกิจโลกกำลังอาจจะจบลง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียได้รับกระทบจากตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปที่มีผลประกอบการแย่ลง
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับอ่อนค่าลง 0.25% ที่บริเวณ 111.95 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ภาพรวมรายเดือนปรับแข็งค่าขึ้น 1.2% แต่ยังคงปรับลดลง 4.2% ในภาพรวมรายปี
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะทำการเปิดเผยรายงานนโยบายการเงินช่วงครึ่งปี ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะทำการขึ้นรายงานนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรส ในวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งเป็น 5 วันหลังการเปิดเผยรายงานนโยบายการเงินต่อสาธารณชน
โดยประธานเฟดจะขึ้นรายงานต่อสภาคองเกรสในวันพุธที่ 12 กรกฎาคม เวลาประมาณ 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่บันทึกถ้อยแถลงของเธอจะถูกเปิดเผยออกมาล่วงหน้าในช่วงเวลา 19.30 น. ในวันเดียวกัน
• คณะบริหารของประธานาธิบสหรัฐฯ ได้ลดหย่อนข้อห้ามการเดินทางเข้าประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยล่าสุด ยินยอมให้ผู้ที่มีสถานะคู่หมั้นที่เดินทางจาก 6 ประเทศมุสลิมหลัก สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯได้ เนื่องจากถือว่าเป็นครอบครับคนใกล้ชิด
ทั้งนี้ ศาลฏีกาสหรัฐฯอนุมัติให้คำสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศฉบับปรับปรุง มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อช่วง 7 โมงเช้าวันนี้ ตามเวลาประเทศไทย โดยจะมีผลไปอีก 90 วัน
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับชัยชนะในการลงมติรัฐสภาเพื่อให้สามารถดำเนินนโยบาย Brexit ต่อไปได้ด้วยคะแนนเสียง 323 ต่อ 309 ซึ่งเป็นชัยชนะในสภาครั้งแรกของเธอ หลังจากที่เธอไม่สามารถครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้
• แบบสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษ พบว่า มีความเชื่อมั่นลดลงอย่างมาก สู่ระดับ -10 จุด จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ -7 จุด ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ประกอบกับอัตราค่าจ้างที่อยู่ในระดับต่ำ
• อัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ปรับลดลงด้วยอัตราที่มากที่สุด นับจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเมื่อปี 2011 ขณะที่ปริมาณสินค้าในคลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ส่งให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าการเติบโตเศรษฐกิจญีปุ่นอาจเริ่มชะลอตัว
ทั้งนี้ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนก็ปรับลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ห่างจากเป้าหมาน 2% ที่บีโอเจตั้งไว้
• บรรดานักบริหารกองทุนในตลาดญี่ปุ่น ปรับลดการถือครองสถานะในตลาดหุ้นลง ในขณะที่เพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นขึ้นในเดือนมิถุนายนสู่ระดับ 56.9% จากเดิมที่ระดับ 55.9% ในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเศรษฐกิจจีนประจำเดือนมิถุนายน ขยายตัวด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 3 เดือน ที่ระดับ 51.7 จุด เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 51.2 จุด ในเดือนพฤษภาคม โดยขยายตัวติดต่อกัน 11 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวล ที่ว่ารัฐบาลจีนจะยื่นมือเข้ามือเพื่อปรับสมดุลของตลาด
• ดัชนี PMI ภาคบริการจีนประจำเดือนมิถุนายน ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเดิมที่ระดับ 54.5 สู่ระดับ 54.9 จุด โดยภาพรวมรายเดือนยังคงยืนเหนือระดับ 50 จุด ซึ่งถือว่าเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
• ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 สัปดาห์ โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึน 0.6% ที่ระดับ 47.72 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 0.6% เช่นเดียวกันที่ระดับ 45.20 เหรียญ/บาร์เรล