• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 มิถุนายน 2560

    27 มิถุนายน 2560 | Economic News


 


• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯวานนี้ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนพ.ค. ปรากฎว่าออกมาแย่กว่าที่คาดที่ระดับ -1.1% ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่รวมกลุ่มยานยนออกมาแย่ลงเช่นกันที่ระดับ -0.1% จึงบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอในภาคการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้

• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้ หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากทีสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน จากการที่นักลงทุนรอคอยว่าคืนนี้ นางเจเน็ต เยเลน ประธานเฟดจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจหรือไม่ ในการประชุมเศรษฐกิจโลกที่ Royal Academy กรุงลอนดอน

• รายงานจากรอยเตอร์ส มองว่า ประธานเฟดมีแนวโน้มจะกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯเชิงบวกแม้ว่าจะเผชิญกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ดังนั้น ถ้อยแถลงของเธออาจหนุนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ได้

• ผู้อำนวยการนักวิเคราะห์ค่าเงินจาก โกลบอล-อินโฟ กล่าวว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์ มีการเทขายค่าเงินเยนออกในสัปดาห์นี้ ประกอบกับรอคอยถ้อยแถลงของประธานเฟดที่อาจส่งผลในเชิงบวกที่อาจก่อให้เกิดแรงขายในค่าเงินเยนเพิ่มขึ้นได้

ทั้งนี้ แรงเทขายในค่าเงินเยนช่วยทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนบริเวณ 111.95 เยน/ดอลลาร์ในเช้าวันนี้

• ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ กลับทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังต่อการเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญทางภาคการผลิตประจำเดือนพ.ค.นั้นออกมาแย่ลงกว่าที่คาด หลังจากที่ตลาดกังวลต่อการอ่อนตัวของเงินเฟ้อ จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 97.432 จุด

• เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังคงมีท่าทีหนุนทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเมื่อวานนี้ นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ระบุว่า การชะลอตัวของเงินเฟ้อเมื่อไม่นานมานี้ ไม่อาจเป็นอุปสรรคในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

• นายเจโรม โพเวล หนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า ระบบธนาคารในปัจจุบันของสหรัฐฯยังคงมีช่องว่างให้สามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้ แต่สำหรับระบบหลักๆยังต้องคงนโยบายเชิงคุมเข้มทางการเงินต่อไป

• โพลสำรวจความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดยสถาบันวิจัย PEW พบว่า สหรัฐฯมีความน่าเชื่อถือลดลงหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่ง เนื่องจากประชาชนทั่วโลกไม่มั่นใจในความสามารถการบริหารประเทศของเขา โดยคะแนนนิยมร่วงลงสู่ระดับ 49% เทียบกับระดับ 64% เมื่อสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา

• ค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวแถวระดับ 1.1180 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เมื่อคืนนี้ลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1.1172 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบี ที่ส่งสัญญาผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดยระบุว่า อัตราดอกเบีย้ในระดับต่ำมากจะช่วยสร้างแรงงาน และการขยายตัว พร้อมหนุนการกู้ยืม ขณะเดียวกันเขาปฏิเสธที่จะออกจากนโยบาย Super Easy ในเร็วๆนี้ โดยให้เหตุผลว่าการยุตินโยบายดังกล่าวอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยและความไม่เท่าเทียมกันมากขึ้นได้

• พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษได้บรรลุข้อตกลงกับพรรคประชาธิปไตยไอล์แลนด์เหนือ โดยนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถปกครองพรรคไอล์แลนด์เหนือ เพื่อให้เป็นเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมให้แก่การดำเนินนโยบายของเธอ โดยมีเงื่อนไขคือรัฐบาลอังกฤษต้องจ่ายเงินสนับสนุนให้กับไอล์แลนด์เป็นจำนวนเงินประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นได้กว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์วานนี้ เพราะได้รับอานิสงค์จากบรรดาเหล่าเทรดเดอร์บางส่วนที่ทำการช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วราคาลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แต่การขึ้นของราคายังคงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังถูกกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯและบางประเทศ

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 37 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.8% ที่ระดับ 43.38 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 29 เซนต์ คิดเป็น +0.6% ที่ระดับ 45.83 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งภาพรวมราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีแรกร่วงลงไปแล้วเกือบ 20%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com