• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 มิถุนายน 2560

    22 มิถุนายน 2560 | Economic News


 


• ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงจากระดับแข็งค่าในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ในตลาดการซื้อขายวานนี้ท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนทำการปิดสถานะทำกำไรออกไป โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวแถวระดับ 97.551 จุด ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงต้นสัปดาห์บริเวณ 97.871 จุด

• ค่าเงินกีวีของนิวซีแลนด์ปรับแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมกล่าวย้ำว่าจะยังคงดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวต่อไป โดยค่าเงินกีวีแข็งค่าขึ้น 0.4% แตะระดับ 0.7248 ดอลลาร์/กีวี โดยกำลังกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 0.7320 ดอลลาร์/กีวี

• เมื่อคืนนี้ ผลการประกาศข้อมูลยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯประจำเดือนพฤษภาคมออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด และนับเป็นการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ท่ามกลาง โดยข้อมูลล่าสุดขยายตัวขึ้นได้ 1.1% ที่ระดับ 5.62 ล้านยูนิต หรือขยายตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 60,000 ยูนิต

• นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มีมมุมมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าจะเผชิญกับการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ และข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ที่บั่นทอนให้เกิดความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นว่าอาจเป็นอุปสรรคในการผลักดันเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ให้ได้ตามที่เฟดกำหนด

• โพลสำรวจโดยรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นเกี่ยวกับนโยบายประกันสุขภาพของพรรคริพับลิกันที่จะเปิดเผยในช่วงค่ำคืนนี้ พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 41% เชื่อว่านโยบายอเมริกันเฮลแคร์จะไม่อำนวยความสะดวกแก่ผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว ขณะที่ชาวอเมริกันอีก 30% สนับสนุนนโยบายดังกล่าว

• สำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะทำการเปิดเผยแผนการดำเนินนโยบาย Brexitภายในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวอังกฤษ หลังพรรคอนุรักษ์นิยมของเธอไม่สามารถครอบครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งได้

• ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ปรับตัวลงอีกว่า 2% หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ท่ามกลางความผันผวนในตลาดซื้อขาย จากปริมาณการผลิตของสหรัฐฯที่ขยายตัวขึ้น ท่ามกลางกิจกรรมการกลั่นน้ำมันที่ลดลง จึงส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

น้ำมันดิบ WTI ปิด -2.3% ที่ระดับ 42.53 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 42.13 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดระดับวันมากที่สุดนับตั้งแต่ ส.ค. 2016 หรืออาจเรียกได้ว่านับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแล้วกว่า 20% ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -2.61% ที่ระดับ 44.82 เหรียญ/บาร์เรล

• เช้านี้ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ขึ้นได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันทำการ ตอบรับกับรายงานสต็อกน้ำมันดิบและแก๊สโซลีนของสหรัฐฯที่ออกมาลดลง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กำลังมองหาสัญญาณเพิ่มเติมจากปริมาณการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆในการร่วมมือกันยุติปัญหาภาวะอุปทานล้นตลาดที่เกิดขึ้นมากว่า 3 ปี

ทั้งนี้ นำมันดิบ WTI รีบาวน์ขึ้นมา 0.3% แถวระดับ 42.65 เหรียญ/บาร์เรล และน้ำมันดิบ Brent รีบาวน์ขึ้นมา 0.2% ที่ระดับ 44.91 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สิงหาคมปีที่ผ่านมา

• รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ กล่าวยืนยันจุดยืนของประเทศ จะไม่ยอมให้มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียในเกาหลีเหนือ รวมทั้งปฏิญาณตนจะร่วมมือกับสหรัฐฯในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกลาว

• รัฐบาลอิรักเผย กลุ่มผู้ก่อการร้าย IS ได้ทำลายมัสยิดและหอเอนชื่อดังในเมืองโมซูล ประเทศอิรัก หลังกองกำลังอิรักพยายามที่จะไล่ต้อนกลุ่มผู้ก่อการร้ายดังกล่าวออกไป

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com