
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและความมั่นคงทางการเงินในอนาคตกำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการว่างงานปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เฟดกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 4.3% โดยเจ้าหน้าที่เฟดมั่นใจว่าชาวมอเมริกันที่ต้องการทำงานและจะได้รับงานทำ
นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองในปีนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อล่าสุดจะอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายที่ 2% ก็ตาม
โดยนางเจเนต เยเลน ประธานเฟด ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ ขณะที่สมาชิกเฟดบางคนเกิดข้อสงสัยในสิ่งนี้
นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก แสดงความวิตกกังวลมากขึ้นต่อการอ่อนตัวของเงินเฟ้อ เนื่องจากยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนด
นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 และค่าเงินดอลลาร์ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากตลาดมีมุมมองว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัว ดังนั้น เฟดจึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอนาคต โดยเขายังคงเปิดกว้างสำหรับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้ เพียงแต่ต้องการรอข้อมูลเพิ่มเติมว่าการอ่อนตัวของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงการอ่อนตัวชั่วคราวเท่านั้น
ในขณะที่นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า ยุคการคงอัตราดอกเบียระดับต่ำในสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ อาจสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน ดังนั้น ธนาคารกลางต่างๆจำเป็นต้องตัดสินใจให้รอบคอบต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบาย
นายแสตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด เมื่อวานนี้ไม่ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน เพียงแต่กล่าวเตือนว่าขณะนี้ สหรัฐฯและประเทศอื่นๆต้องมีการจัดการระบบการเงินภายในประเทศอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นความจำเป็นต่อการจัดการกับวิกฤตในอนาคต
ที่มา: Reuters
