• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 เมษายน 2560

    10 เมษายน 2560 | Economic News


 


• ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดตอกย้ำแผนการปรับลดพันธบัตรในพอร์ตของเฟดในปีนี้ โดยไม่ต้องเลื่อนจำนวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์เกิดแรงเทขายหลังจากที่ข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลออกมาแย่กว่าที่คาด ส่งผลให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบจากพายุหิมะ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์และทรงตัวแถวระดับดังกล่าวบริเวณ 101.27 จุด

• ด้านค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อย 0.3% ที่ระดับ 111.16 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.5% ที่ระดับ 1.0587 ดอลลาร์/ยูโร

• รายงานจาก CFTC ระบุว่า บรรดานักเก็งกำไรมีการลดการถือครองสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีมูลค่าการถือสถานะLong ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุด 4 เมษายนที่ระดับ 1.467 หมื่นล้านเหรียญ จากระดับ 1.527 หมื่นล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการปรับลดสถานะ Long ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 และลดการถือครองลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยได้รับผลกระทบนับตั้งแต่ที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯถอดถอนร่างกฎหมายสุขภาพเพื่อเข้าสู่การโหวตในสภาคองเกรส

• รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯประจำเดือนมีนาคมออกมาแย่กว่าที่คาดอย่างมากที่ระดับ 98,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นข้อมูลการจ้างงานที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และปรับตัวลดลงประมาณ 121,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่หนาวจัดรุนแรง อย่างไรก็ดี อัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงปรับตัวขึ้นได้ตามคาดที่ระดับ 0.2% ขณะที่ข้อมูลเดือนกุมภาพันธ์ปรับทบทวนสูงขึ้นมาที่ระดับ 0.3%

นอกจากนี้ ข้อมูลอัตราการว่างงานสหรัฐฯก็ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดสู่ระดับ 4.5% จากระดับ 4.7%

• นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก สื่อถึงความชัดเจนยิ่งขึ้น เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินแผนของเฟด เกี่ยวกับระยะเวลาที่จะหยุดเข้าซื้อเพื่อต่ออายุพันธบัตรที่หมดอายุ วิธีการดำเนินการ และระยะเวลาที่เฟดจะลดสัดส่วนของพันธบัตรในพอร์ตฟอลิโอ

ทั้งนี้ มูลค่าตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์ก จึงกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง

• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นว่า ภาคธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ประเมินว่า เฟดจะใช้แผนการปรับลดการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารการเงินอย่าง MBS เพื่อเริ่มต้นปรับลดยอดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านเหรียญ โดย 11 ดีลเลอร์เชื่อว่าเฟดน่าจะลดยอดงบดุลลงสู่ระดับ 2.75 ล้านล้านเหรียญ และเฟดก็เตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน และยังมีโอกาสที่เฟดจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 3 ครั้งในปี 2018

• การพบกันระหว่างสองผู้นำมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และจีนดูจะเป็นไปในทิศทางเชิงบวก โดยประธานาธิบดีจีนกล่าวว่าจะรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ระวห่างสองประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่นายทรัมมป์ กล่าวเห็นด้วย 100%

• นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ บีโอเจ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ออกมาแถลงการณ์ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะคงนโยบายการเงินไว้ดังเดิม จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะถึงเป้าหมาย 2% ที่ตั้งไว้

• นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯมีแผนจะประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมแก่ซีเรียในอนาคต ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโต้ของสหรัฐฯหลังจากที่ซีเรียโจมตีกลุ่มก่อการร้านด้วยแก๊สพิษทางตะวันตกของประเทศและส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน

ขณะที่เมื่อวานนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทัพ IS มีการส่งผู้มือระเบิดพลีชีพจำนวน 2 ราย เข้าร่วมโจมตีสหรัฐฯที่สนับสนุนกลุ่มกบฎบริเวณพรมแดนใกล้กับประเทศอิรัก และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 12 รายและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 54 เซนต์ ที่ระดับ 52.24 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสุงสุดบริเวณ 52.94 เหรียญ/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้น 35 เซนต์ ที่ระดับ 55.24 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ระหว่างการซื้อขายขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 56.08 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่สหรัฐฯประกาศโจมตีด้วยมิสไซน์

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com