• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 07 เมษายน 2560

    7 เมษายน 2560 | Economic News


 

• จากสำนักข่าว Reuters คำสั่งโจมตีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้า แสดงถึงความขัดแย้งในจุดยืนของนายทรัมป์ ที่เคยได้ตำหนิผู้นำคนก่อนๆเกี่ยวกับการเข้าไปแทรกแซงปัญหาขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยนายทรัมป์ได้เปลี่ยนใจหลังได้เห็นภาพผู้เสียชีวิตจากอาวุธเคมี

ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว เป็นนายทหารอย่างน้อย 6 นาย และมีระดับพลเรือจัตวาเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ขณะที่ฐานทัพอากาศถูกถล่มจนไม่เหลือซาก สหรัฐฯจึงได้รับเสียงวิพากษ์วิจารย์อย่างรุนแรงจากทางผู้นำรัสเซีย เนื่องจากไม่ได้มีการสอบถามความเห็นจากรัสเซีย ผู้เป็นพันธมิตรกับซีเรีย จึงส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองมหาอำนาจ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่านักลงทุนในตลาดโลกพากันหันเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย จากความไม่มั่นใจในจุดยืนของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 100 จุด รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับอ่อนค่าลง 0.3% เมื่อเทียบเงินเยนที่ระดับ 110.40 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันและราคาทองคำกลับพุ่งสูงขึ้น

• นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า การโจมตีซีเรียของสหรัฐนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ และญี่ปุ่นขอสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาของสหรัฐที่มีต่อการใช้อาวุธเคมี

• ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในภาพรวมจะดูเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและตลาดหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ได้เรื่อยๆ รัฐต่างๆในสหรัฐฯโดยเฉพาะรัฐที่มีรายได้หลักมาจากการขายน้ำมันอย่างนอร์ทดาโคตาหรืออลาสก้า ก็ยังประสบกับภาวะขาดดุลการค้ามายาวนานเกือบ 10 ปี ทั้งนี้เป็นเพราะ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีของสหรัฐฯ มักส่งผลทางลวกให้กับรัฐใหญ่ๆอย่างแคลิฟอเนียร์หรือเท็กซัสเท่านั้น

ดัชนี S&P Global ได้มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจของรัฐต่างๆ ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม ปี 2016 โดยให้ 11 รัฐ มีแนวโน้มไปในทิศทางลบ ซึ่งหมายความว่า พื้นที่กว่า 20% ของสหรัฐฯ กำลังมีแนวโน้มประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

• ธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ หรือเฟด อาจกำลังพิจารณาที่จะลดการถือครองสินทรัพย์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง จะส่งผลให้เกิดความสับสนให้กับเหล่านักลงทุนทั่วโลก รวมถึงกระทรวงการคลังสหรัฐฯที่กำลังพยายามยกเลิกนโยบายที่ใช้ในการต่อสู้กับวิกฤติทางการเงินในปี 2550 ที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์ ระบุว่า เฟดอาจมีนโยบายที่จะดึงเม็ดเงินออกจากตลาดจำนวนกว่าล้านล้านเหรียญ หลังจากที่ได้อัดฉีดเงินเพื่อสนับสนุนตลาดมาโดยตลอด ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนและสถาบันเงินเพิ่มสูงขึ้

เมื่อพิจารณาจากปริมาณการถือครองสินทรัพย์ของเฟดในปัจจุบัน เฟดอาจเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วงปลายปีนี้ถึงปีภายใน 2018 โดยจะเริ่มต้นดึงเงินกลับเป็นจำนวน 2 หมื่นล้านเหรียญ ถึง 6 หมื่นล้านเหรียญออกจากตลาดพันธบัตรในแต่ละเดือน

• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนหลังสหรัฐฯทำการโจมตีฐานทัพอากาศซีเรีย ล่าสุด ราคาเริ่มปรับตัวลงหลังไม่มีท่าทีเกี่ยวกับการตอบโต้กลับแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 56.08 เหรียญ/บาร์เรล ก่อนที่จะเริ่มปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 55.62 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% ที่ระดับ 52.94 เหรียญ/บาร์เรล ก่อนที่จะเริ่มปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 52.46 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com