ภาคแรงงาน
ปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญ ได้แก่ รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของ ADP ที่จะประกาศในช่วงเวลา 19.15น. ซึ่งจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนทราบรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ ซึ่งข้อมูลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาภาคการจ้างงานอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและพายุหิมะ จึงคาดว่าข้อมูลของ ADP น่าจะมีการจ้างงานออกมาประมาณ 187,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ในเดือนกุมภาพันธ์มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นที่ระดับ 235,000 ตำแหน่ง ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศจริง ข้อมูลภาครัฐบาลก็น่าจะปรับตัวลงตามด้วย
ทั้งนี้ Thomson Reuters ประเมินว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลในคืนวันศุกร์น่าจะออกมาแถวระดับ 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานน่าจะออกมาที่ระดับ 4.7%
ภาคบริการ
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) จะเปิดเผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ โดยคาดว่าน่าจะออกมาแถวระดับ 57 จุดในเดือนมีนาคม จากระดับ 57.6 จุดในเดือนก่อนหน้า ซึ่งหากข้อมูลที่ออกมายังคงอยู่เหนือระดับ 50 จุด ก็จะถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงต้องจับตาข้อมูลดังกล่าวในช่วงเวลา 21.00น. ซึ่งข้อมูลที่ออกมาอาจเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งในภาคส่วนดังกล่าวจากยอดคำสั่งซื้อ ราคา และตลาดแรงงาน
รายงานประชุมเฟด
หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม 0.25% เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ต่างมีความตั้งใจเดียวกันในการจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ ดังนั้น บรรดานักลงทุนจึงกำลังจับตาว่า รายงานประชุมเฟดที่จะเปิดเผยในคืนนี้อาจมีสัญญาณเพิ่มเติม หรืออาจมีข่าวเกี่ยวกับยอดงบดุลประมาณ 4.5 ล้านล้านเหรียญของเฟด
ทั้งนี้ เฟดมียอดงบดุลจำนวนมากในช่วงระหว่างเกิดวิกฤตทางการเงิน โดยมีการเข้าซื้อตราสารหนี้และพันธบัตรซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินมาตรการ QE และเมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง เฟดก็กลับมาเพิ่มระดับอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นอาจมีการพูดถึงการชะลอหรือหยุดการเข้าซื้อสินทรัพย์เหล่านั้น
อย่างไรก็ดี ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดอาจตัดสินใจยุติการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ เพื่อลดจำนวนหลักทรัพย์ในพอร์ตฟอลิโอของเฟด และนักลงทุนในตลาดก็เชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวในท้ายที่สุดแล้วจะสร้างแรงกดดันในการดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะยังคงอยู่ในตลาด ขณะที่นายดัดเลย์ บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นได้ 2-3 ครั้ง จากนั้นก็จะมีการปรับลดปริมาณการเข้าซื้อ ดังนั้น ประเด็นดังกล่าวจึงอาจเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงในรายงานการประชุมคืนนี้
ที่มา: CNBC