• ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลหลักส่วนใหญ่ โดยเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 100.03 จุด ขณะที่เมื่อคืนนี้ปรับแข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ บริเวณ 100.13 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit และข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่อีซีบีจะกลับมาทบวนการดำเนินนโยบายการเงินอีกครั้ง จึงส่งผลให้บรรดานักลงทุนประเมินว่าอีซีบีอาจสิ้นสุดนโยบายการเงินในเร็วๆนี้
โดยค่าเงินยูโรปรับตัวลง -0.1% ที่ระดับ 1.0752 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 1.2439 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1.2377 ดอลลาร์/ปอนด์เมื่อคืนนี้
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาก้าวออกจากอียู โดยจะมีระยะเวลาการเจรจาในช่วง 2 ปี ก่อนที่จะก้าวออกอย่างเป็นทางการ
• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พบว่า สัญญายอดขายบ้านที่รอปิการขายประจำเดือนกุมภาพันธ์ออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน โดยปรับตัวขึ้น 5.5% แตะระดับ 112.3 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ข้อมูลออกมาดีที่สุดนับตั้งแต่พฤษภาคมปี 2006 จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง
• นางเอลีน ชอว์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ กล่าวว่า คณะบริหารของนายทรัมป์น่าจะทำการเปิดเผยแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญในช่วงปลายปีนี้ แต่เธอยังไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของวงเงินในโครงการต่างๆ
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +2.4% ที่ระดับ 49.51 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +2.1% ที่ระดับ 52.42 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้น และปิดระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากที่ข้อมูลจาก EIA เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่ผ่านมาของสหรํฐฯปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยปรับขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล ที่ระดับ 5.34 ล้านบาร์เรล