• สภาคองเกรสได้เลื่อนการลงมติผ่านร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์ (AHCA)" เพื่อนำมาใช้แทน "โอบามาแคร์" ออกไปเมื่อวานนี้ เนื่องจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประสบความล้มเหลวในการโน้มน้าวกลุ่มส.ส.แนวอนุรักษ์นิยมภายในพรรครีพับลิกัน ให้เห็นชอบในร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ประกอบกับการที่กลุ่มส.ส.เห็นว่า นโยบายสุขภาพของทรัมป์ยังคงมีข้อบกพร่องเกินกว่าที่จะมาแทนที่โอบามาแคร์
อย่างไรก็ดี แม้นโยบายสุขภาพของนายทรัมป์ ที่จะลงมติในสภาคองเกรสคืนนี้ จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ตาม นายทรัมป์และคณะบริหารของเขาก็จะดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปภาษีต่อทันที
• คณะบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผย กำลังเตรียมการที่จะพิจารณาข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐฯใหม่ทั้งแบบทวิภาคี (Bilateral) และ แบบพหุภาคี (Multilateral) โดยยังคงยืนกรานว่าจะพิจารณาโดยยึดหลัก "Buy American, Hire American" หรือ ซื้อและใช้ของอเมริกัน
• ธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี กล่าวเตือนว่า ภาคธนาคารจำเป็นต้องเพิ่มผลกำไรของและโครงสร้างทางธุรกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงที่อาจเผชิญได้
โดยขณะนี้ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing loans) อยู่ในระดับสูงไปทั่วทุกภูมิภาคของยุโรป ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการที่อังกฤษออกจากอียูจะกลายเป็นความเสี่ยงหลักของภาคธนาคาร
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากอีซีบีจะเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบของภาคธนาคารจากความเสี่ยงของกรณี Brexit อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดการจัดการด้านความเสี่ยงหรือกองทุนได้ แต่เชื่อว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นจะสร้างผลร้ายต่อภาคการลงทุน
• นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลในการถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงินของบีโอเจในขณะนี้ หรือแม้แต่การปรับเพิ่มเป้าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 2% ที่ทางบีโอเจกำหนด
ซึ่ง นายคุโรดะ เพิกเฉยต่อความกังวลของตลาดการเงินที่ว่า บีโอเจอาจสูญเสียความสามารถในการควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ภายใต้กรอบเวลาในการดำเนินงานที่ล่าช้า โดยเขากล่าวเพียงว่า หากเงินฟ้อของญี่ปุ่นมีการปรับตัวขึ้น อาจส่งผลให้บีโอเจมีการหารือกันเพื่อปรับเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยได้
• วันนี้ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยจะเห็นได้ว่า น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 7 เซนต์ ที่ระดับ 50.63 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อเที่ยบกับระดับปิดเมื่อคืนนี้ ขณะทีน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 12 เซนต์ ที่ระดับ 47.82 เหรียญ/บาร์เรล
โดยราคาน้ำมันดิบได้รับอานิสงค์จากข่าวที่ว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบในซาอุดิอาระเบียสู่สหรัฐฯในเดือนมีนาคมปรับตัวลดลงประมาณ 300,000 บาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตร่วมกับกล่มโอเปก อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดยังคงมีแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก
• ผู้จัดการฝ่ายการตลาดจาก Tradition Energy กล่าวว่า หากกลุ่มโอเปกไม่มีมาตรการปรับลดอัตราการผลิตน้ำมัน ราคาน้ำมันอาจตกไปอยู่ระดับ 30-35 เหรียญ/บาร์เรล จึงคาดว่าโอเปกจำเป็นต้องปรับขยายเวลาการลดอัตราการผลิตออกไป
• JPMorgan ปรับการคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2017 โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 55.75 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงจากเดิมที่ระดับ 58.75 เหรียญ/บาร์เรล