• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2560

    16 มีนาคม 2560 | Economic News


 

• สรุปผลการประชุมเฟดเมื่อคืนนี้ พบว่า เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่กรอบ 0.75% – 1.00% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และความเชื่อมั่นที่ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดกำหนด

ขณะที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดมีความมั่นใจมากขึ้นต่อการดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี ขณะที่เฟดมีแนวโน้มจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจำนวน 2 ครั้งในปีนี้ และจำนวน 3 ครั้งในปี 2018 หลังจากที่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

สำหรับการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 209,000 ตำแหน่ง/เดือน ในช่วง 3 เดือน ซึ่งระดับที่สูงกว่า 75,000 – 100,000 ตำแหน่ง ถือเป็นการรักษาการเติบโตของกลุ่มแรงงาน ขณะที่อัตราว่างงานที่ระดับ 4.7% ยังสอดคล้องกับภาวะการจ้างงานที่สมบูรณ์ของเฟด ซึ่งเฟดคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานอาจลดลงแตะระดับ 4.5% ได้ในปีนี้ และจะยังอยู่แถวระดับดังกล่าวจนถึงปี 2019 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% แต่อาจมีบางช่วงที่อัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวลงต่ำกว่า 2% หรือสูงกว่า 2%ได้ ซึ่งระดับ 2% ดังนั้นระดับ 2% จึงไม่ถือเป็นเพดานสูงสุด

นอกจากนี้ คาดการณ์เศรษฐกิจของเฟดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.1% ในปีนี้ โดยยังเป็นระดับคาดการณ์เดิมในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่ค่ามัธยฐานระยะยาวในการดำเนินนโยบายการเงินอาจตัดสินจากผลกระทบพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ทรงตัวแถวระดับ 3.0%

อย่างไรก็ดี นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส เป็นสมาชิกเฟดเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เนื่องจากยังคงพอใจให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดิมมากกว่า


• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แสดงให้เห็นว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐฯต่างมีมุมมองว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีกจำนวน 2 ครั้ง และปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2018 และยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการที่เฟดน่าจะมีแผลปรับลดการเข้าซื้อพันธบัตร 4.4 ล้านล้านเหรียญฯ

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ดีดตัวกลับจากการที่พรรคต่อต้านอียูของ นายกรีท ไวด์เดอร์ส มีคะแนนที่นั่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

• ดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับตัวลงกว่า 1% ที่ระดับ 100.49 จุด ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ที่ระดับ 1.0740 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 1.2% เมื่อคืนนี้

• ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาบริเวณ 113.42 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 115.195 เยน/ดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีของสหรัฐฯ ในช่วงต้นตลาดขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1.401% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 11 มิถุนายนปี 2009 และเมื่อทราบผลประชุมเฟดก็ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1.312% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาบริเวณ 2.509% และอัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ 3.108%

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +0.6% ที่ระดับ 49.14 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +0.7% ที่ระดับ 52.15 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 วัน เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางข้อมูลปริมาณสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดน้อยลง

• รายงานจากรอยเตอร์สล่าสุด ดูเหมือนว่าพรรคฝ่ายขวาของเนเธอร์แลนด์ (VVD) โดยมี นายมาร์ค รูท นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรค ดูเหมือนจะมีคะแนนนำพรรคต่อต้านอิสลามและอียูของ นายกรีท ไวด์เดอร์ส

โดยการนับคะแนนกว่า 11% ในเช้านี้ พบว่า พรรค VVD จะคว้าชัยด้วยการคว้าเก้าอี้ในสภาฯ 32 ที่นั่งจาก 150 โดยลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2012 ที่ได้รับ 41 ที่นั่งในสภาฯ ขณะที่นายไวด์เดอร์ ได้คะแนนที่นั่งในสภาจำนวน 20 ที่นั่ง สูสีกับพรรค CDA มีคะแนน 21 ที่นั่งในตอนนี้

ซึ่งหากพรรค VVD ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็จะถือเป็นการได้รับเลือเป็นสมัยที่ 3

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com