• เช้านี้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ๋ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นจากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวาระนี้ โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.1% ที่ระดับ 101.44 จุดในเช้านี้
ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนบริเวณ 1.0714 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อีซีบียังคงผ่อนคลายทางการเงิน โดยเช้านี้ค่าเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0647 ดอลลาร์/ยูโร
ขณะที่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 114.95 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่วันศุกร์ปรับขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 115.51 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
• ความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อก็ขยับใกล้เป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ประสบปัญหาเพียงหนึ่งเดียวคือ “ยูโรโซน” ที่มีความเสี่ยงจะสรางผลกระทบเชิงลบครั้งใหม่
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับชัยชนะการผลักดันการก้าวออกจากยุโรป และจะเริ่มต้นใช้เวลา 2 ปีในการเจรจาเกี่ยวกับอนาคตของอังกฤษและยุโรป
• ประเทศเนเธอแลนด์จะจัดการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ โดยระบบเลือกตั้งเป็นการลงคะแนนเลือกพรรคการเมือง ไม่ใช่ตัวบุคคล ซึ่งจากผลสำรวจเบื้องต้น พบว่า พรรคที่มีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากที่สุด ได้แก่ พรรคประชาชนเพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย (People's Party for Freedom and Democracy) ของนายมาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี พรรคต่อต้านผู้อพยพเพื่ออิสรภาพ นำโดยนายเกิร์ต ไวล์เดอร์ ซึ่งได้ทำคะแนนสูสีกับพรรคของนายมาร์ค มาโดยตลอด แต่ในช่วงหลังๆ คะแนนของเขาเริ่มมีตกลงไปบ้างแล้ว
• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ หลังจากที่ปรับตัวลงอย่างหนักและลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยกลุ่มนักลงทุนตอบรับกับข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่อาจบดบังความพยายามในการปรับลดกลังการผลิตเพื่อลดภาวะอุปทานโลก
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 9 เซนต์ ที่ระดับ 48.40 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 2 เซนต์ที่ระดับ 51.35 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 30 พฤศจิกายนที่ระดับ 50.85 เหรียญ/บาร์เรล