• ภายในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ทางธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี มีแนวโน้มที่จะปฏิเสธกระแสคาดการณ์ให้มีการปรับนโยบายการเงินให้รัดกุมมากขึ้น โดยอาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.4% ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด น่าจะถูกกดดันจากตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยให้สูงกว่า 0.75% ภายในเดือนนี้
• คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งประเทศจีน (National Development and Reform Commission) ประกาศลดปริมาณวัสดุในภาคอุตสาหกรรมโลหะลง 50 ล้านตัน และปริมาณถ่านหินลง 150 ล้านตัน ต่อเนื่องภายในปี 2018
• จากรายงานประจำปีของรัฐบาลจีน ระบุว่าจะเพิ่มงบประมาณให้กระทรวงกลาโหมอีก 7% เป็น 1.044 ล้านล้านหยวน (1.5143 แสนล้านเหรียญ) ในปี 2017 ส่งผลให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของรัฐบาลจากประชาชน
• รัฐบาลจีนส่งสัญญานอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนภายในปีนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และโอกาสเกิดสงครามทางการค้าจากจุดยืนเชิงชาตินิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
• เหล่านักลงทุนจับตามองตัวเลขเศรษฐกิจจีนประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่จะเปิดเผยภายในสัปดาห์นี้ โดยส่วนใหญ่คาดการณ์จะออกมาดีขึ้น แม้ทางรัฐบาลจีนจะมีการปรับลดการคาดการณ์ลงเล็กน้อย เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปริมาณหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะเปิดเผย ได้แก่ 1) ยอดดุลการค้า ที่คาดว่าจะทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี 2) อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1/2017 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7% จากเดิมที่ระดับเดิมที่ 6.8% เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา 3) ดัชนีราคาผู้ผลิตที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 7.7% จากปีที่ผ่านมา
• ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในตลาดเอเชียวันนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันอาจลดลง หลังจีนปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับความไม่แน่นอนในการปรับลดอัตราการผลิตน้ำมันของรัสเซีย อย่างไรก็ดี น้ำมันได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.8% ที่ระดับ 55.43 เหรียญ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.9% ที่ระดับ 52.86 เหรียญ