• ความแตกต่างของนโยบายการเงินเฟด และ อีซีบี

    6 มีนาคม 2560 | Economic News
 

ภายในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ทางธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี มีแนวโน้มที่จะปฏิเสธกระแสคาดการณ์ให้มีการปรับนโยบายการเงินให้รัดกุมมากขึ้น โดยอาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.4% ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด น่าจะถูกกดดันจากตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยให้สูงกว่า 0.75% ภายในเดือนนี้

การคงนโยบายการเงินของอีซีบี

แม้ตลาดจะคาดหวังให้นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี มีการส่งสัญญานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน แต่ประธานอีซีบีน่าจะหลีกเลี่ยงที่จะให้คำตอบใดๆเกี่ยวกับการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือการปรับอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการเลือกตั้งของฝรั่งเศสที่ใกล้เข้ามา จึงทำให้อีซีบีต้องระมัดระวังการส่งสัญญานใดๆก็ตามที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ได้

จากวิกฤติเศรษฐกิจของยุโรปเมื่อปี 2011 ที่หลุดการควบคุมหลังจากอีบีซีได้มีการเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินที่รัดกุมเพียงไม่ถึง 1 เดือน จึงยิ่งตอกย้ำให้อีซีบีเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังหากจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใดๆก็ตาม

แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาความอิ่มตัวของตลาดแรงงาน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ตลาดจึงคาดหวังให้เฟดมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยเร็ว

โดยตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่เผยภายในคืนวันศุกร์นี้ มีการคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 186,000 ตำแหน่ง จึงเพียงพอที่จะผลักดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ เครื่องมือ FEDWATCH แสดงให้เห็นว่า ตลาดเชื่อมั่นเกือบ 100% ว่าเฟดจะทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมีนาคมนี้ และอาจจะมีการปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนจะสิ้นปี


ที่มา: Reuters

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com