• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 มกราคม 2560

    19 มกราคม 2560 | Economic News



 
 
• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ออกมาตามคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธันวาคมขยายตัวตามคาดที่ระดับ 0.3% ขณะที่ภาพรวมเมื่อเทียบรายปีขยายตัวได้ 2.1% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวเมื่อเทียบรายปีที่มากที่สุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2014

• ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมภาคอาหารและพลังงาน (Core CPI) ออกมาทรงตัวตามคาดที่ระดับ 0.2%

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ดัชนี CPI ปรับตัวสูงขึ้นได้จากภาคครัวเรือนที่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของแก๊สโซลีน, ที่อยู่อาศัย จึงทำให้มีการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และอาจส่งสัญญาณว่าแรงกดดันเงินเฟ้ออาจกำลังก่อตัวขึ้น ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อ หากขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพก็อาจส่งผลให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของข้อมูลล่าสุด ส่งผลให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า ดัชนี CPI จะขยายตัวได้ 2.1% ในปี 2016 โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2015 ที่ระดับ 0.7%

• ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนธันวาคมออกมาดีขึ้นตามคาดแตะระดับ 0.8% ขณะที่ข้อมูลในเดือนก่อนหน้าปรับทบทวนลดลงสู่ระดับ -0.7% ซึ่งการฟื้นตัวของข้อมูลล่าสุดถือเป็นระดับการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณการผลิตในกลุ่มสาธารณูปโภค

• ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดที่เริ่มต้นเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ ณ Commonwealth Club of California ในซานฟรานซิสโก ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าใกล้การจ้างงานเต็มกำลัง และเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% จึงเป็นเรื่องที่ “สมเหตุสมผล” (Make Sense) ในการที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากเฟดฝืนเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะชะลอตัวครั้งใหม่ได้ โดยเธอและสมาชิกเฟดต่างคาดหวังว่าเฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นโดยใช้เวลาไม่กี่ปีจนถึงปี 2019 รวมทั้งต้องการให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวทรงตัวที่ระดับ 3%

นอกจากนี้ ประธานเฟด ยังระบุว่า การรอคอยที่ยาวนานเกินไปในการปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปกติอาจส่งผลกระทบอย่างมาก โดยอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นมากเกินไป ตลาดการเงินไม่มีเสถียรภาพ หรือไม่ก็เกิดอาจเกิดผลกระทบทั้งสองอย่างได้

อย่างไรก็ดี เฟดมีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงต่อเนื่องในวันนี้ โดยจะทราบผลอีกครั้งในวันศุกร์ เวลา 08.00น. (ตามเวลาไทย)

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่รีบาวน์กลับขึ้นได้เมื่อคืนนี้จากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ยังบ่งชี้ว่าอาจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับแข็งค่าขึ้นต่อสู่ระดับ 101.33 จุด

• ขณะที่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นประมาณ 0.1% แถวระดับ 114.76 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นได้เกือบ 2% วานนี้ จากระดับ 112.57 จุด และค่าเงินยูโรทรงตัวแถวระดับ 1.0628 ดอลลาร์/ยูโร

• บรรดาเหล่าเทรดเดอร์ยังคงมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพรุ่งนี้โดยจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยมีกำหนดการตามเวลาไทยในช่วงเวลา 21.30 – 24.00น.

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -2.7% ที่ระดับ 51.08 เหรียญ ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -2.7% เช่นกันที่ระดับ 53.96 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐฯจะเพิ่มปริมาณการผลิต ขณะที่มีสัญญาณว่ากลุ่มโอเปกปรับกำลังการผลิตจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อลดภาวะอุปทานในปีนี้ 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com