• รายงานจาก CNBC ระบุว่า แม้ตลาดจะรอคอยถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่นักวิเคราะห์ก็มีมุมมองว่าตลาดน่าจะไม่ได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมใดๆเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีและนโยบายค่าใช้จ่ายจากงานแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันนี้
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สังกัด Horizon Investments กล่าวว่า หัวข้อที่จะพูดถึงน่าจะเป็นหัวข้อใหญ่ๆที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์อย่าง เรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัวของนายทรัมป์หลังพิธีสาบานตน หรือกรณีการแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯโดยรัสเซีย และอีกเรื่องอาจเกี่ยวกับโอบามาแคร์เสียมากกว่า
• เจ้าหน้าที่อาวุโสของบีโอเจ กล่าวว่า บีโอเจอาจต้องพิจารณาอย่างหนักเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในการต่อสู้กับวิกฤตทางการเงิน แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันตลาดการเงินจะมีการฟื้นตัวได้ดี
ทั้งนี้ การประเมิน Yield Curve ทั้งหมดคือขั้นตอนที่ซับซ้อนและครอบคลุมการประมวลผลทั้งหมดจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ช่วงเวลากว่า 3 ปีของการพิมพ์พันธบัตรจำนวนมากได้ล้มเหลวต่อการหนุนให้เงินเฟ้อปรับขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย 2% ทางบีโอเจได้มีการปรับปรุงกรอบเวลานโยบายใหม่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นคือการให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ -0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่แถวระดับ 0%
ดังนั้น กรอบเวลาใหม่ของ Yield Curve Control (YCC) ต้องถูกทดสอบคาดการณ์การของนโยบายที่จะหนุนเงินเฟ้อของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะอาจผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่นปรับตัวสูงบขึ้นด้วย
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 12 เซนต์ ที่ระดับ 50.94 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 7 เซนต์ ที่ระดับ 53.71 เหรียญ/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานของการลดอุปทานในซาอุดิอาราเบีย อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากการขาดข้อมูลในการลดกำลังการผลิต และสัญญาณการเพิ่มขึ้นของอุปทานจากกลุ่มผู้ผลิตอื่นๆ