MTS Help Center

* สรุปรายงานประชุมเฟดประจำเดือนธันวาคมเมื่อคืนนี้ พบว่า สมาชิกเกือบทั้งหมดของเฟดมีความคิดเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจขยายตัวได้รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากการกระตุ้นทางการเงินภายใต้นโยบายของนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ อาทิ การปรับลดภาษี การปฏิรูปค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานและการลดกฎข้อบังคับ ซึ่งถึงแม้ว่านโยบายต่างๆของนายทรัมป์ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่เงินเฟ้อปรับก็มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นจะทำให้เฟดจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้

นอกจากนี้ สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ ยังสะท้อนถึงมุมมองบวกทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาอาจมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ดี รายงานเฟดยังแสดงให้เห็นว่า อาจมีสัญญาณแข็งกร้าวมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากแรงกดดันเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

* ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ทำการปิดสถานะในจังหวะที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้อ่อนค่าลงมาแถวระดับ 102.20 จุด จากระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี บริเวณ 103.82 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมาแถวระดับ 1.0524 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำในรอบ 14 ปี ที่ระดับ 1.0340 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นบริเวณ 116.70 เยน/ดอลลาร์จากระดับอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 118.60 เยน/ดอลลาร์ในวันอังคารที่ผ่านมา

* น้ำมันดิบ Brent ปิด +1.8% ที่ระดับ 56.46 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดที่ระดับ 53.26 เหรียญ/บาร์เรล หรือปรับขึ้น 1.8% เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวขึ้นได้เกือบ 2% วานนี้ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯจะปรับตัวลง ประกอบกับการที่บรรดาผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัวต่อข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตที่มีผลบังคับใช้แล้วในสัปดาห์นี้

* รายงานจาก API ระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวลดลง 7.4 ล้านบาร์เรล