• ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ในปี 2017?(2)

    27 ธันวาคม 2559 | Gold News

ในช่วงเข้าสู่ปี 2017 ตลาดทองคำได้รับผลกระทบจากนโยบายบายเชิงบวกของนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่ามีความเป็นไปได้ที่นโยบายต่างๆรวมทั้งแผนปฏิรูป หรือที่เรียกว่าTrumponomics อาจส่งผลเชิงบวกต่ออัตราผลตอบแทน และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี ตลาดได้มองข้ามผลเชิงลบเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์อันน่าผิดหวังเกี่ยวกับ Trumponomics เนื่องจากอาจจุดประกายความไม่แน่นอนครั้งใหม่ไปทั่วตลาดการเงิน ซึ่งจะหนุนปริมาณความต้องการทองคำในฐานะ Safe-Haven ซึ่งจะเป็นเหมือนสิ่งที่เราได้เห็นไปแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 คือ ภาวะความต้องการทองคำอย่างมากจากความไม่มั่นคงของตลาด

ขณะที่ Trumponomics และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาทองคำในปีหน้า และยังมีปัจจัยอื่นที่สำคัญต่อราคาทองคำ ดังต่อไปนี้

- การคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากจีนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะหนุนกระแสการลงทุนเข้าสู่กองทุน ETFs รวมถึงทองคำ

- แผนการลดภาษีของนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 คาดว่าจะเพิ่มระดับหนี้จาก 77% ของจีดีพีในช่วงสิ้นปี 2016 สู่ระดับ 86% หรือประมาณ 23 ล้านล้านเหรียญ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยได้รับปัจจัยกระทบหลักจากงบประมาณปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การที่นายทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะทำการเพิ่มภาษีนำเข้าอาจกระตุ้นให้เกิดสงครามการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายลดลงท่ามกลางราคาสินค้าที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคสหรัฐฯ

- การกระตุ้นทางการเงินและราคาตลาดที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้นในจีน จึงอาจมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนจีนกลับเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงอย่าหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ซึ่งอาจช่วยหนุนให้ราคาสินทรัพย์เหล่านั้นปรับตัวขึ้นตามปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นในจี

- อุปสงค์ในเอเชีย: จากรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ปริมาณความต้องการทองคำในจีนปรับตัวลดลงในปีนี้ โดยในช่วงไตรมาสที่ 3/16 ปริมาณความต้องการทองคำจากผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 182.5 ตัน โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 22% ขณะที่อินเดียมีปริมาณความต้องการทองคำที่ระดับ 194.8 ตัน หรือปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28%

ทั้งนี้ ตลาดต่างคาดการณ์ว่าอุปสงค์ในจีนจะทรงตัวในปี 2017 จากความต้องการถือครองค่าเงินหยวนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากค่าเงินหยวนยังคงมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลง ขณะเดียวกัน อุปสงค์ของอินเดียอาจทรงตัวหลังจากที่ปรับตัวลดลงหลังรัฐบาลประกาศมาตรการในเดือนที่ผ่านมา

- ความเสี่ยงในการแยกตัวออกจากยุโรป: โดยยูโรโซนยังคงมีความเสี่ยงที่จะแยกตัวจากกัน ท่ามกลางการเลือกตั้งและผลการลงประชามติ โดยเฉพาะหลังจากเกิด Brexit ที่อังกฤษออกจากอียูในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และการลงมติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของอิตาลี โดยปัญหาของภาคธนาคารอิตาลีมีสัญญาณเพิ่มขึ้นต่อโอกาสที่จะออกจากอียูเช่นเดียวกับอีกหลายๆประเทศสมาชิก โดยเฉพาะฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้อาจหนุนให้มีปริมาณความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

- แนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย: นโยบายของนายทรัมป์ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า เนื่องจากถูกคาดว่าอาจทำให้อัตราการขยายตัวของเงินเฟ้อชะลอตัวได้และอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลที่ตามมาคือเฟดอาจต้องปรับโครงสร้างจำนวนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้ง และบางทีอาจปล่อยมาตรการ QE4 ออกมาในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงฟื้นตัว


วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค: สัญญาณกลับตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยรายเดือน 20-SMA


ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นแนวต้าน (เส้นสีขาว) แถว 1,380 เหรียญ และมีเส้นแนวรับสำคัญระดับรายเดือน 20-SMA บริเวณ 1,197.6 เหรียญ โดยราคาทองคำในระยะสั้นเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับสำคัญถัดไปและกดอยู่ภายใต้ระดับแนวต้าน(เส้นสีฟ้า)บริเวณ 1,141 เหรียญ

ต่อมา เมื่อราคาหลุดแนวลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือนบริเวณ 1,122 เหรียญ ก็มีโอกาสลงมาทดสอบจุดต่ำสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้บริเวณ 1,116.9 เหรียญ ขณะที่ตอนนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,132 เหรียญ

ทั้งนี้ หากราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของเดือนกุมภาพันธ์ได้ ก็น่าจะมาจากแรงเทขายอย่างหนักและอาจทำให้ราคาทองคำทดสอบแนวรับถัดไปแถว 1,080 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement 50% ในช่วงระหว่างปี 1999 – 2011 เป็นการวัดขึ้นในลักษณะ Parabolic

อย่างไรก็ดี หลายๆตลาดคาดว่าราคาทองคำมี Bottom out และมีโอกาสจะฟื้นตัวขึ้นมาในกรอบแนวรับ-แนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ยรายเดือน 20-SMA ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017 โดยหากทองคำยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวได้ อาจมีการRebound กลับสู่กรอบเส้นค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ 10-SMA และ 50-SMA ระหว่าง 1,262 – 1,282 เหรียญ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2017 คาดว่า ราคาน่าจะมีการสะสมพลังและฟื้นตัวกลับเหนือ 1,200 เหรียญได้ โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2017 คาดว่าราคาเฉลี่ยของทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,250 เหรียญ


ที่มา : FXSTREET

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com