MTS Help Center

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น เพิ่มกระแสคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

วันนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าในตลาดเอเชีย หลังจากที่ข้อมูลแสดงให้เห็นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ดีขึ้นในช่วงต้นไตรมาสที่สี่ ส่งผลให้เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

โดยดัชนีดอลลาร์ในวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น 0.1% สู่ระดับ 107.77 หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อคืนนี้ที่ระดับ 101.91 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี

สกุลเงินเอเชียปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดตั้งแต่ 2009

อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศในเอเชียปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 ปี โดยดัชนี Bloomberg-JPMorgan Asia Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเอเชีย ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 103.32 จุด ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2009 เนื่องจากกระแสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่เพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 100%

นอกจากนี้ความผันผวนของค่าเงินในเอเชียหลัก 10 สกุล (ไม่รวมเยน) ได้ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ค่าเงินเอเชียที่อ่อนค่าลงน่าจะช่วยให้ธนาคารกลางของเอเชียสามารถชะลอการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายไปได้บ้าง

ข้อมูลที่น่าสนใจในสรุปประชุมเฟดประจำเดือน พ.ย. ที่เผยออกมาเมื่อวานนี้

นอกจากเฟดที่ระบุว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้แล้ว ยังมีข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ

- ไม่มีคำว่า ทรัมป์ (Trump) และคำว่า การเลือกตั้ง (Election) ในรายงาน

- นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน (มีสิทธิออกเสียง) จากเดิมในเดือน ก.ย. โหวตให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย แต่ในเดือน พ.ย. ย้ายฝั่งมาให้เฟดคงดอกเบี้ย

- มีความกังวลต่อการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปและปัจจัยอื่นๆ และระบุจะต้องติดตามสัญญาณเงินเฟ้อและพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด

- ราคาน้ำมันและแก๊สที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน

- สมาชิกเฟดโดยทั่วไปคาดอัตราเงินเฟ้อจะบรรลุเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในระยะกลาง

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่จะปรับลดกำลังการผลิตและการซื้อขายที่เบาบางในระหว่างวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.19% สู่ระดับ 48.05 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.14% สู่ระดับ 49.02 เหรียญ/บาร์เรล