ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้
ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้หลังจากที่เมื่อวานนี้อ่อนค่าลงจากถ้อยแถลงของนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด (มีสิทธิออกเสียง) ที่บ่งชี้ถึงการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป
นักวิเคราะห์จาก Westpac Banking Corp. ระบุว่า จากถ้อยแถลงของนางเบรนนาร์ดและข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นไปได้ว่าจะออกมาอ่อนแอลง จึงส่งผลให้กระแสคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดดูท่าจะว่าจะต้องชะลอออกไปก่อน
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 95.19 จุด ในวันนี้
ผลสำรวจเฟดนิวยอร์กเดือน ส.ค. : การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น
ผลสำรวจเฟดนิวยอร์กเดือน ส.ค. ชี้ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น โดยการคาดการณ์เงินเฟ้อในอีก 1 ปีข้างหน้า ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 2.8% มากที่สุดในปีนี้ และเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจเมื่อเดือน ก.ค. ที่ระดับ 2.5% ขณะที่การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 3 ปีข้างหน้า ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 2.7% จากเดิม 2.5% เช่นเดียวกัน
การคาดการณ์เงินเฟ้อดังกล่าวได้กลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ชะลอตัวลงทำจุดต่ำสุดในเดือน ก.ค. โดยการสำรวจดังกล่าวสำรวจผู้บริโภคจำนวน 1,200 ครัวเรือน
ผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกจีนออกมาดีกว่าคาด
ผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกจีนออกมาดีกว่าคาด โดยผลผลิตอุตสาหกรรมออกมาที่ระดับ 6.3% (เดิม 6.0% คาดการณ์ 6.2%) มากที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ, เงินกู้ยืมระยะยาว และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโต ขณะที่ยอดค้าปลีก ออกมาที่ระดับ 10.6% (เดิม 10.2%, คาดการณ์ 10.2%)
นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ออกมาดีสอดคล้องกับข้อมูลการค้าและอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาก่อนหน้า ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่จีนจะปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพของจีน
Brexit อาจสร้างความเสียหายแก่อังกฤษเป็นมูลค่า 4.38 หมื่นล้านปอนด์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
สภาหอการค้าแห่งอังกฤษ (BCC) หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษจากภาวะ Brexit โดยเมื่อวานนี้ BCC ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของGDP ในปีนี้จากระดับ 2.2% สู่ระดับ 1.8% ขณะที่ในปี 2017 ปรับลดลงจากระดับ 2.3% สู่ระดับ 1% และหั่นคาดการณ์ในปี 2018 ลงจากระดับ 2.4% สู่ระดับ 1.8%
นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจของอังกฤษอาจเกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 4.38 หมื่นล้านปอนด์ ( 5.81 หมื่นล้านเหรียญ) โดยน้อยกว่าที่คาดการณ์ต้นฉบับของ BCC สำหรับในช่วงปี 2019
Business Insider ระบุว่า ผลกระทบของเศรษฐกิจจาก Brexit ดูมีแนวโน้มจะสร้างความสูญเสียต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าภาวะการตกงานในภาคธุรกิจของประเทศ
ราคาน้ำมันดิบหดตัวลง
ราคาน้ำมันดิบหดตัวลงในวันนี้ก่อนหน้าที่สหรัฐฯจะเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ โดยจากผลการสำรวจนักวิเคราะห์โดยBloomberg คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากเพิ่มขึ้นจริงจะนับเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 1.64% สู่ระดับ 45.53 เหรียญ/บาร์เรล
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของจีนปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2009 สู่ระดับ 3.89 ล้านบาร์เรล/วัน หรือปรับตัวลดลงกว่า 9.9% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากรัฐวิสาหกิจของจีนลดการผลิตน้ำมันดิบลงในบางพื้นที่เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่สูงเกินไปหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบหดตัวลงมาอย่างมาก ทั้งนี้ในปีที่แล้วนั้นจีนนับเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก