MTS Help Center

ภาคเอกชนญี่ปุ่น ไม่เชื่อว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแทบช่วยหนุนเศรษฐกิจได้

ผลสำรวจจาก Reuters ระบุว่า ภาคเอกชนญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแทบจะไม่ช่วยหนุนเศรษฐกิจเลย และบีโอเจไม่น่าจะสามารถขยายมาตรการทางการเงินได้อีก

โดยก่อนหน้านี้นั้น นายชินโสะ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่น ได้เผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 13.5 ล้านล้านเยน (ราว 1.35 แสนล้านเหรียญ) พร้อมระบุว่าจะร่วมมือกับบีโอเจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี มีภาคเอกชนไม่ถึง 5% ที่เชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะสามารถหนุนเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ รวมถึงไม่สามารถจะหนุนการเติบโตได้อีกด้วย

นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Mizuho Research Institute ระบุว่า ดูเหมือนว่าหลายๆบริษัทต่างต้องการให้รัฐบาลเลิกให้ความสนใจในการใช้นโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ให้สนใจการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและลดกฎระเบียบลง ในขณะที่นโยบายทางการเงินนั้นมาถึงขีดจำกัดแล้ว

ผู้ว่าฯแบงก์ชาติญี่ปุ่นไม่ปฏิเสธปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบอยู่แล้วลงไปอีก

หนังสือพิมพ์ซันไกของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างคำพูดของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นว่า อัตราดอกเบี้ยที่ติดลบของญี่ปุ่นยังไม่ถึงระดับต่ำสุดที่ธนาคารมองไว้ พร้อมกับระบุว่า เขาไม่ปฏิเสธที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาลงไปอีก ถึงแม้ว่านโยบายดังกล่าวจะไม่สามารถกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อหรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้

นายคุโรดะกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยติดลบที่ธนาคารกลางยุโรปนำมาใช้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าของธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งในทางเทคนิคแล้วทำให้ญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก

ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.1% ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยเริ่มมีผลบังคับในเดือน ก.พ. และมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันอัตราเงินเฟ้อขึ้นไปสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%

น้ำมันดิบหดตัววันนี้ เกือบ 2%

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนที่ไม่แน่ใจว่าเหล่าผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงตรึงปริมาณการผลิตและแก้ไขปัญหาอุปทานล้นตลาดได้ นอกจากนี้ยังถูกกดันโดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของจีนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยการส่งออกน้ำมันดีเซลและแก๊สโซลีนของจีน ปรับตัวสูงขึ้น 181.8% และ 145.2% ตามลำดับเมื่อกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า สู่ระดับ 1.53 ล้านตัน และ 0.97 ล้านตัน

ราคาน้ำมันดิบ BRENT ในวันนี้ปรับตัวลดลง 1.87% สู่ระดับ 49.93 เหรียญ/บาร์เรล

รายงานล่าสุดจาก CFTC ระบุว่า นักเก็งกำไรได้เพิ่มการถือสถานะ Long สุทธิในน้ำมันราว 20% จากระดับราว 250,000 สัญญา สู่ระดับ 300,000 สัญญา

นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า รายงานการถือสถานะในน้ำมันดิบล่าสุด เป็นเครื่องยืนยันว่าการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นเกิดจากปัจจัยทางเทคนิคมากกว่าที่จะเกิดจากปัจจัยพื้นฐาน

ขณะที่รายงานจาก Baker Hughes ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอีก 10 แท่น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับ 406 แท่น นับเป็นการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์ และสามารถยืนเหนือระดับ 400 แท่นได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ.