ผลสำรวจของบีโออี บ่งชี้ เศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลง
ผลสำรวจโดยธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งสำรวจธุรกิจราว 700 ธุรกิจ ระบุว่า การเติบโตของภาคธุรกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผลที่ได้ในการสำรวจนั้นนั้นไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ออกมาลดลงอย่างมาก
ก่อนหน้านี้นั้น ดัชนี PMI ของอังกฤษ ซึ่งจัดทำโดย Markit/CIPS ออกมาในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008-2009
ธนาคารพาณิชย์จีน มีหนี้เสียสูงที่สุดในรอบ 11 ปี
คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีน (CBRC) เปิดเผยว่าภาคธนาคารของจีนในไตรมาสที่ 2/2016 นั้น
- มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น 4.52 หมื่นล้านหยวน สู่ระดับ 1.44 ล้านล้านหยวน ในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2/2016 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 11 ปี ส่วนสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อหนี้ทั้งหมด (NPL ratio) อยู่ที่ 1.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงสิ้นสุดไตรมาส 1/2016
- มีกำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์จีนในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 8.991 แสนล้านหยวน (ราว 1.3514 แสนล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วเพียง 3.17%
- ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยลดลงจากระดับ 2.51% ในปีก่อนหน้า สู่ระดับ 2.27% ในปีนี้
สหรัฐขาดดุลงบประมาณกว่า 10% เหตุรายได้ชะลอตัว ขณะที่การใช้จ่ายสูงขึ้น
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 10% นับตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนก.ค. เนื่องจากรายได้ชะลอตัวลง ขณะที่รายจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ ตัวเลขการขาดดุลงบประมาณใน 10 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 5.14 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.66 แสนล้านดอลลาร์
ด้านสำนักงานงบประมาณสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐในปี 2559 จะอยู่ที่ 5.90 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.34 แสนล้านดอลลาร์ และสูงกว่ายอดขาดดุลงบประมาณในปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.50 แสนล้านดอลลาร์
ธนาคารกลางจีนไม่น่าจะขยายมาตรการทางการเงินมากนักในปีนี้
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เหล่านักเก็งกำไรต่างคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะออกนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ค. บ่งชี้ว่าธนาคารกลางจีนยังสามารถออกนโยบายการเงินได้อีก อย่างไรก็ดีการคาดการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น โดยธนาคารกลางจีนไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือปรับลด RRR เพิ่มเติม เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะทำให้ความพยายามของรัฐบาลจีนในการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินและฟองสบู่ในสินทรัพย์ต่างๆมีประสิทธิภาพลดลง
นอกจากนี้การผ่อนคลายนโยบายการเงิน ยังส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ซึ่งแม้จะช่วยหนุนการส่งออกได้ แต่ก็ส่งผลให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกเช่นเดียวกัน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.3% ในวันนี้ ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ สู่ระดับ 41.57 เหรียญต่อบาร์เรล หลังจากที่ปรับตัวลงกว่า 2.5% เมื่อวานนี้ เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น 1.06 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับรายงานจาก OPEC ที่ระบุว่า ตลาดน้ำมันดิบยังคงอ่อนแอเนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากปัจจัยทางฤดูกาลและสต็อกน้ำมันดิบที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก
