MTS Help Center

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ขณะที่กลุ่มนักลงทุนจับตาการจ้างงานที่สำคัญของสหรัฐฯในคืนนี้ หลังจากที่เมื่อวานได้รับแรงหนุนจากการที่บีโออีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รวมไปถึงการตัดลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 7 ปี ซึ่งราคาทองคำในตลาดสิงคโปร์วันนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.2% แถวระดับ 1,363.67 เหรียญ ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์นี้ทองคำปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 0.9%

รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของบีโออีประกอบกับการตัดสินใจออกจากอียู รวมทั้งมาตรการล่าสุดของธนาคารกลางต่างๆและรัฐบาลเพื่อหนุนเศรษฐกิจ ทั้งการปรับลดหรือใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นแล้วกว่า 29%

ข้อมูลการจ้างงานที่ต้องจับตาในค่ำคืนนี้อาจบ่งบอกถึงกรอบระยะเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่รายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลจีดีพีไตรมาสที่ 2 ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ จึงทำให้ต้องจับตามายังความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยการเติบโตที่ชะลอตัวส่งผลให้เฟดยังต้องคงดอกเบี้ยในปี 2016 และมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยปี 2017 ได้เพียงหนึ่งครั้ง

ขณะที่รายงานจาก BMI Research ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในปี 2017 เพิ่มขึ้นอีก 50 เหรียญ แตะระดับ 1,400 เหรียญ

ที่ปรึกษาเศรษฐกิจอาวุโส ประจำ Rosland Capital LLC กล่าวว่า การตัดสินใจของบีโออีถือเป็นเรื่องสำคัญและส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสถาบันการเงิน นักลงทุน รวมทั้งนักเก็งกำไรโดยส่วนใหญ่ และขณะนี้นักลงทุนยังคงมีมุมมองต่อทองคำว่าจะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะเกิดการ Breakout เหนือกรอบการเคลื่อนไหวดังกล่าว และมีโอกาสแตะ 1,400 เหรียญ จากระดับ 1,350 เหรียญ

ขณะที่ในวันพุธที่ผ่านมา บรรดานักลงทุนทำการเพิ่มการถือครองทองคำของพวกเขาในกองทุนทองคำประมาณ 2 เมตริกัน สู่ระดับ 2,025.7 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่กรกฎาคมปี 2013

ผู้อำนวยการสถาบัน MineLife Pty กล่าวว่า ทุกสายตาต่างให้ความสนใจไปยังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯคืนนี้ แต่หากข้อมูลที่ออกมาจำกัดก็อาจส่งผลให้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดระยะสั้นมีโอกาสเพียงเล็กน้อย และจะส่งผลต่อราคาทองคำ และโอกาสที่ทองคำจะปรับตัวขึ้นในระยะสั้น

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจจาก Bloomberg ระบุว่า โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมมีโอกาสประมาณ 37% ซึ่งลดลงจากผลสำรวจในช่วงสองสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 45%