ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ข้อมูลยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ออกมา ณ ระดับ 268,000 ราย มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 267,000 ราย และสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 258,000 ราย
ทั้งนี้ข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานน้อยกว่าระดับ 300,000 ราย ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 69
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ข้อมูล ISM Manufacturing PMI ประจำเดือน มิ.ย. ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 53.2 จุด (เดิมและคาดการณ์ 51.3 จุด)
ในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ และคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไปจนถึงปี 2561 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม นายบูลลาร์ดคาดว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น มีน้อยมาก
นายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าการที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐหรือไม่ และเฟดจะมีภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจาก Brexit เมื่อถึงกำหนดการประชุมเฟดในเดือนนี้ในวันที่ 26-27 ก.ค.
นอกจากนี้นายฟิชเชอร์ ยังกล่าวว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐค่อนข้างน่าพอใจ นับตั้งแต่มีการรายงานตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังของเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้มีการมองกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ออกไป
นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น หลังจากที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) บ่งชี้ว่า BoE มีแนวโน้มที่จะต้องออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินในฤดูร้อนนี้
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันนี้ อย่างไรก็ดี น้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ที่ออกมาระบุว่า ตลาดน้ำมันดิบกำลังกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล ขณะที่ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
คนงานของบริษัทน้ำมันในนอร์เวย์ ได้รับการขึ้นค่าแรงแล้วในวันเสาร์ที่ผ่านมา ช่วยให้ไม่เกิดการหยุดงานประท้วง ซึ่งไม่ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.14% สู่ระดับ 48.92 เหรียญ/บาร์เรล