

ในวันนี้จีนเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน พ.ค. ซึ่งออกมาสูงขึ้น 2.0% (เดิม 2.3%, คาดการณ์ 2.3%) น้อยกว่าที่คาด ซึ่งถูกกดดันโดยราคาอาหารที่ชะลอตัวลง
ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน พ.ต. ออกมาที่ระดับ -2.8% (เดิม -3.4%, คาดการณ์ 3.3%) ซึ่งดีกว่าคาดการณ์ แต่ยังคงอยู่ในแดนลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 51 เดือน
นักเศรษฐศาสตร์ประจำ Commonwealth Bank ระบุว่า ปัจจัยสำคัญเบื้องหลัง CPI ที่ตกต่ำลงของจีนคือ ราคาอาหารที่ลดลง โดยคาดว่า CPI ตลอดทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.5-2%
นักเศรษฐศาสตร์ฯ กล่าว ทุกๆ 10% ของราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น จะผลักดันให้ PPI ปรับตัวสูงขึ้นราว 6% ดังนั้นการฟื้นตัวของ PPI ในเดือนพฤษภาคม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่า ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงอ่อนแอ ทางการจีนควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
นักเศรษฐศาสตร์ประจำ Commerzbank ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนโดยภาพรวมยังคงอ่อนแอ ดังนั้นธนาคารกลางจีนอาจต้องยกระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ทางการจีนไม่สามารถใช้เครื่องมือทางการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ท่ามกลางปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม
ซึ่งหากจีนยังใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป จะทำให้ผู้ประกอบการไม่ยอมออกจากตลาด และภาวะอุปทานส่วนเกินจะยังคงอยู่ ส่งผลให้ราคาสินค้าไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ และจะส่งผลต่อเนื่องไปยังธนาคารกลางจีนให้ไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ดังนั้นนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนจึงมีความสำคัญ
นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่า ธนาคารกลางจีนควรลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในปีนี้
ที่มา: CNBC