• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 เมษายน 2559

    18 เมษายน 2559 | Gold News

 



ราคาทองคำในคืนวันศุกร์ยังคงทรงตัวหลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการ แถวระดับ 1,230 เหรียญ โดยปรับตัวลงกว่า 1.3% จากวาระการซื้อขายก่อนหน้า และสัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์แรกที่ราคาทองคำปรับตัวลงกว่า 3 วันทำการจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกจึงกดดันปริมาณความต้องการทองคำในฐานะ Safe-Haven ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาพรวมสัปดาห์นี้ของตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์อยู่ในทิศทางการฟื้นตัว

ขณะที่เช้านี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 0.4% ทดสอบ 1,239 เหรียญ ก่อนจะปรับลงมาทรงตัวแถว 1,236 เหรียญในตลาดเอเชีย เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่รุดตัวลง ฉุดรั้งให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงตาม หลังจากที่การประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ออกมาล้มเหลว โดยปราศจากข้อตกลงในการตรึงกำลังการผลิต จึงส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย

เทรดเดอร์จากฮ่องกง ระบุว่า ราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์ฟื้นตัวได้จากการแข็งค่าของค่าเงินเยนและการหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน ขณะที่ตลาดกำลังประเมินว่าเฟดอาจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เพียงหนึ่งครั้งในปีนี้ แต่ก็อาจเกิดขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้หากมีปัจจัยอื่นเกื้อหนุน

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน มาทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ขณะที่ตลาดหุ้นในช่วงกลางสัปดาห์ปรับตัวขึ้นกว่า 2% หลังข้อมูลการค้าของจีนที่ออกมาดีขึ้นช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อข้อมูลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

ทั้งนี้ทองคำในช่วงกลางสัปดาห์ปรับตัวลงมาแถวระดับ 1,246.9 เหรียญ จากระดับสูงสุดในวันอังคารที่ผ่านมาบริเวณ 1,263 เหรียญโดยประมาณ ซึ่งนักวิเคราะห์จาก MKS Group มีมุมมองว่า การปรับตัวลงของทองคำได้รับแรงกดดันหลักมาจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ รวมไปถึงการที่ราคาทองคำไม่สามารถ Break แนวต้าน 1,265 เหรียญได้ ดังนั้นจึงคาดว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ และมีปริมาณความต้องการทองคำที่ค่อนข้างชะลอตัว

นับตั้งแต่วันที่ 11 – 14 เมษายน กองทุนทองคำ SPDR ทำการเทขายทองคำออกมาโดยตลอดทั้งสิ้น 10.99 ตัน โดยถือครองในวันพฤหัสบดีที่ระดับ 806.82 ตัน ก่อนที่ในวันศุกร์จะกลับเข้าซื้อเพิ่ม 5.64 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 812.46 ตัน

ขณะที่ภาพรวมตลอดเดือนเมษายนถือเป็นเดือนแรกที่กองทุน SPDR มีสถานะขายออกในรอบปีที่ระดับ 6.82 ตัน แต่ภาพรวมตลอดปีนี้ยังคงอยู่ในสถานะซื้อเข้าสุทธิ 170.09 ตัน

ขณะที่ในคืนวันพฤหัสบดีราคาทองคำยังคงปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,233 เหรียญ โดยปรับตัวลดลงจากคืนวันพุธอีก 1% รวมทั้งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกันในรอบ 3 วาระการซื้อขาย จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นที่ตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน จึงทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเริ่มมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนมีมุมมองว่าการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในการซื้อขายวันพุธที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงพลังงานรัสเซียแสดงท่าทีไม่มั่นใจว่า การประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ในวันอาทิตย์นี้ เกี่ยวกับการตรึงกำลังการผลิตจะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน

ขณะที่ถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังคงสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ขณะที่ในสัปดาห์นี้ นายเจฟฟรี แล็กเกอร์ประธานเฟดสาขาริชมอนด์, นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายแพททริก ฮาเกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟียยังคงกล่าวหนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งถ้อยแถลงส่วนใหญ่ของประธานเฟดถือเป็นปัจจัยลบต่อการฟื้นตัวของราคาทองคำ

ถ้อยแถลงล่าสุดจาก นายเดนนิส ล็อกฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า เขาไม่คาดหวังว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนเมษายนนี้ แต่เขายังเชื่อว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 2-3 ครั้งในปีนี้

ขณะที่ นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้ แต่ยังมีโอกาสที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 2 ครั้งตามแผนที่วางไว้ในปีนี้

ด้าน นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวให้สัมภาษณ์ในคืนวันพุธ โดยระบุว่า เธอพึงพอใจกับการดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการดำเนินการใดๆของเฟดนั้นต้องหลีกเลี่ยงการสร้างความผิดพลาดขนาดใหญ่

รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เฟดอาจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 2 ครั้งในปีนี้ โดยผลสำรวจส่วนใหญ่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน แต่ความเป็นไปได้ดังกล่าวก็เจือจางลงไปจากสัญญาณความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในช่วงเริ่มต้นปี รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่สดใสนัก และการะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นได้ 6% จากการ Cut Loss ของนักลงทุนนับตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ และส่งผลให้สัปดาห์นี้ราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมปี 2015 และหนุนให้ภาพรวมปีนี้ราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 17.6% เมื่อเทียบกับราคาทองคำที่อยู่ที่ระดับ 16%

ผลสำรวจจากคิทโก ชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นเชิงบวกของกลุ่มนักเก็งกำไรปรับตัวลงเหลือเพียง 66% ที่มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น จาก 80% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทองคำมีเพียง 24% เท่านั้นที่มองว่าราคาทองคำสัปดาห์นี้จะปรับตัวขึ้น ซึ่งปรับตัวลดลงจากผลสำรวจเดิมในสัปดาห์ที่แล้วกว่า 60%

นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank คาดว่ายังคงมีโอกาสเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้น แต่ก็คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบโดยมีแนวต้าน 1,250 เหรียญ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก RJO Futures ระบุว่า การที่ซิลเวอร์มีทิศทางขาขึ้นมากกว่าทองคำ ทำให้เกิดความผิดหวังต่อภาวะสินทรัพย์ที่ดีที่สุด และมีโอกาสทำให้ราคาททองคำกลับลงมาทดสอบแนวรับ 1,200 เหรียญ หรือแม้แต่ 1,190 เหรียญได้ ซึ่งขณะนี้ซิลเวอร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้และมีโอกาสแตะ 20 เหรียญ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและซิลเวอร์ในขณะนี้

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก DailyFX แสดงความคิดเห็นว่า ซิลเวอร์จะยังดีอยู่หากราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้น แต่หากราคาทองคำถูกเทขายลงมาซิลเวอร์ก็จะปรับตัวลงหนักกว่า 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com