• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 เมษายน 2559

    4 เมษายน 2559 | Economic News





ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดน่าจะยังไม่รีบเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมีนาคมจะออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 215,000 ตำแหน่ง แต่ยังคงลดลงจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 30,000 ตำแหน่ง ด้านอัตราการว่างงาน ออกมาแย่ลงแตะระดับ 5.0% จากระดับ 4.9%โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลงมาบริเวณ 94.541 และค่าเงินบาทเช้านี้กลับแข็งค่าลงมาทดสอบแถวระดับ 35.10 บาท/ดอลลาร์

สำหรับคร่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1409 ดอลลาร์/ยูโรในเช้านี้ จากเดิมที่ระดับ 1.1389 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนเช้านี้แตะระดับ 111.47 เยน/ดอลลาร์

ด้าน ISM เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ประจำเดือนมีนาคมขยายตัวได้ 51.8 จากระดับ 49.5 ขณะที่ ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคถูกปรับทบทวนขึ้นมาเกินคาดเล็กน้อยแตะระดับ 91.0

ถ้อยแถลงสมาชิกเฟดในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้แก่ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ระบุว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ซึ่งเธอคิดว่า สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยให้เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้มากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนวันศุกร์ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ และตัวเลขค่าแรงที่เติบโต 2.3% เมื่อเทียบรายปี




หลังเผยตัวเลขการจ้างงานในคืนวันศุกร์ นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น โดยนักลงทุนในคลาดคาดว่ามีโอกาส 65.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง ภายในเดือน ธ.ค. จากเดิมที่ 55.4% ในวันก่อนหน้า

และนักลงทุนคาดการณ์ มีโอกาสเพียง 24.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ (เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 16.3%)

ถ้อยแถลงสมาชิกเฟดในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้แก่ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ระบุว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ซึ่งเธอคิดว่า สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยให้เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้มากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนวันศุกร์ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ และตัวเลขค่าแรงที่เติบโต 2.3% เมื่อเทียบรายปี

ถ้อยแถลงดังกล่าวของประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ เกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์หลังจากจบการประชุมเฟดประจำเดือน มี.ค. โดย ณ ขณะนั้นมีเพียง นาง Esther George ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ ที่โหวตให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางจีน (PBoC) อัดฉีดเม็ดเงินสู่ตลาดจำนวน 3.95 แสนล้านหยวน (6.116 หมื่นล้านเหรียญ) ผ่านการซื้อพันธบัตร Reverse Repo อายุ 7 วัน เพื่อให้เกิดสภาพคล่องหลังประสบภาวะตึงตัว

น้ำมันดิบตลาดโลกร่วงหลุด 40 เหรียญอย่างต่อเนื่อง โดย WTI ปิด -4% ที่ระดับ 36.79 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -4.1% ที่ระดับ 38.67 เหรียญ/บาร์เรล เพราะได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมวันที่ 17 เมษายนนี้ได้ ขณะที่ซาอุดิอาระเบียยืนยันว่าจะทำการตรึงกำลังการผลิตต่อเมื่ออิหร่านและประเทศอื่นๆยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว

รายงานจากสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Fund) ด้วยมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญ เพื่อรองรับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com