• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2568

    22 พฤษภาคม 2568 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 45.52 เหรียญ หรือ 1.38% อยู่ที่ระดับ 3,338.22 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 28.90 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 3,313.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.72 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 919.88 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 24.38 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 47.36 ตัน


  • นักลงทุนเข้าซื้อทองคำท่ามกลางสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ พยายามผลักดันร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลให้ผ่านสภาคองเกรส แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า การปรับลดอัตราภาษีครั้งใหม่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์


  • นักวิเคราะห์เผยว่าความต้องการทองคำของจีนกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการซื้อทองคำแท่งเข้ามาช่วยสร้างเสถียรภาพและกระตุ้นการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ด้านข้อมูลศุลกากรล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร แสดงให้เห็นว่าจีนนำเข้าทองคำในเดือนที่แล้วมากกว่าที่เคยมีมาในรอบเกือบหนึ่งปี โดยปริมาณการนำเข้าทองคำทั้งหมดอยู่ที่ 127.5 เมตริกตันในเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน และเพิ่มขึ้นถึง 73% จากตัวเลขของเดือนมีนาคม


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.43 จุด หรือ -0.43% มาอยู่ที่ระดับ 99.55 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.589% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.009% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.58%


  • กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้จัดการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กลับพบว่ามีความต้องการซื้อที่ต่ำกว่าคาดมาก แม้พันธบัตรรุ่นนี้จะเสนออัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (coupon rate) สูงถึง 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การนำพันธบัตรอายุ 20 ปี กลับมาประมูลอีกครั้งในปี 2020


  • การที่พันธบัตรขายไม่หมดส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับตัวลดลง และดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) ดีดตัวสูงขึ้นทันที ซึ่งเห็นได้ชัดจาก: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของตลาดการเงินโลก พุ่งขึ้น 0.11% (11 Basis Points) มาอยู่ที่ระดับประมาณ 4.6%


  • พันธบัตรระยะยาวอื่น ๆ โดยเฉพาะพันธบัตรอายุ 30 ปี ก็ถูกเทขายอย่างหนัก ทำให้อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นมากกว่า 0.10-0.12% (10-12 Basis Points) และบางช่วงดีดตัวขึ้นไปแตะระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากและเกือบจะทำสถิติสูงสุดในรอบสองทศวรรษ


  • นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank ชี้ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร เขาให้ความเห็นว่า "ปัญหาหลักคือนักลงทุนต่างชาติไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนการขาดดุลคู่ (twin deficits) ของสหรัฐฯ ที่ระดับราคาปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว" ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่ต้องการให้สหรัฐฯ กู้เงินได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมา


  • Priya Misra ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ JPMorgan Asset Management ชี้ว่า "ตลาดพันธบัตรกำลังส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้กำหนดนโยบายว่า ปัญหาความยั่งยืนทางการคลังไม่สามารถถูกเพิกเฉยได้อีกต่อไปแล้ว และไม่ใช่แค่ตลาดพันธบัตรเท่านั้น แต่ตอนนี้ความกลัวเหล่านั้นกำลังครอบงำความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ก็เริ่มให้ความสนใจแล้ว"


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้น และเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นหากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,860.44 จุด ลดลง 816.80 จุด หรือ -1.91%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,844.61 จุด ลดลง 95.85 จุด หรือ -1.61% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,872.64 จุด ลดลง 270.07 จุด หรือ -1.41%


  • รองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แสดงความกังวลว่า สหรัฐฯ มีระดับการขาดดุลงบประมาณที่สูงเกินไป และจำเป็นต้องเร่งจัดการกับภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคเทียบรายปีของสหราชอาณาจักร (UK) ดีดตัวขึ้นไปอยู่ที่ 3.5% ในเดือนเม.ย. จาก 2.6% ในเดือนมี.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2567 และเป็นการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่แรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 


  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผย ยอดส่งออกปรับตัวขึ้น 2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 9.16 ล้านล้านเยน ซึ่งแม้ว่าปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่ก็ชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากการส่งออกรถยนต์และเหล็กปรับตัวลง อันเป็นผลมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 


  • รัฐมนตรีคลังของแคนาดา เผยว่า การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ในอีกสองวันข้างหน้า จะมุ่งเน้นการหาทางร่วมกันเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเน้นประเด็นพื้นฐาน 


  • องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า จีน กาตาร์ สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอื่น ๆ ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเงินทุนมูลค่ากว่า 170 ล้านดอลลาร์แก่ WHO พร้อมยอมรับการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมสมาชิก เพื่อช่วยชดเชยการสูญเสียเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ 


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของโอมานเปิดเผยว่า การเจรจานิวเคลียร์รอบใหม่ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 61.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 64.91 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ในช่วงแรก ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สหรัฐฯ ได้รับข่าวกรองชุดใหม่ที่บ่งชี้ว่า อิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีเป้าหมายในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยหากเกิดขึ้นจริงจะทำให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้นำอิสราเอลได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายแล้วหรือไม่


  • ราคาน้ำมันปรับตัวลงในเวลาต่อมา หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของโอมานเปิดเผยว่า การเจรจานิวเคลียร์รอบใหม่ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า หากสหรัฐฯ และอิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์และนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ก็จะทำให้อิหร่านสามารถเพิ่มการส่งออกน้ำมันในตลาด 300,000-400,000 บาร์เรล/วัน


  • ข้อมูลจากหน่วยงานด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในปี 2567 รองจากซาอุดีอาระเบียและอิรัก


  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรล


  • ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 816,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 579,000 บาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า สหรัฐฯ ได้รับข่าวกรองชุดใหม่ที่บ่งชี้ว่า อิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีเป้าหมายในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมก็ตาม โดยหากการโจมตีเกิดขึ้นจริงก็อาจจะทำให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ


  • กระทรวงต่างประเทศจีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านการที่สหภาพยุโรป (EU) คว่ำบาตรบริษัทต่าง ๆ ของจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัสเซียโดยไร้เหตุผล ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลัง EU และอังกฤษประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่กับรัสเซีย โดยไม่รอให้สหรัฐฯ เข้าร่วม


  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) เห็นชอบให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อซีเรีย นอกจากนี้ หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศของ EU ระบุว่าเราต้องการช่วยเหลือชาวซีเรียในการสร้างประเทศซีเรียขึ้นมาใหม่อย่างสงบสุขและไม่มีการแบ่งแยกและย้ำว่า EU ยังคงยืนเคียงข้างประชาชนชาวซีเรียเหมือนที่ทำมาตลอด 14 ปี


  • ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยภายหลังการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียว่า รัสเซียและยูเครนตกลงจะเริ่มต้นการเจรจาเพื่อหยุดยิงโดยทันที พร้อมระบุว่ามีความคืบหน้าบางอย่างในกระบวนการสันติภาพ อย่างไรก็ตาม ฝั่งเครมลินยังยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับการเจรจาดังกล่าว

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • นักบริหารการเงิน ประเมินว่า แม้เศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จะขยายตัวดีที่ 3.1%YoY แต่แรงส่งหลักของเศรษฐกิจ มีทิศทางชะลอลง แม้การส่งออกสินค้าจะขยายตัวสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากการเร่งส่งออกก่อนการประกาศมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ทำให้ภาคการผลิตดีขึ้น นอกจากนี้ การนำเข้าที่ชะลอลง สะท้อนอุปสงค์ในระยะข้างหน้าที่เริ่มแผ่วลง

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com